วันนี้ (29 ธันวาคม) ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน พร้อมคณะแกนนำพรรค เดินทางลงพื้นที่จังหวัดสมุทรสาคร เพื่อร่วมกิจกรรมหาเสียงและให้กำลังใจผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) ของพรรคประชาชนทั้ง 4 เขต ประกอบด้วย ณัฐพงษ์ สุมโนธรรม เขต 1 (เบอร์ 5), ศิรสิทธิ์ สงนุ้ย เขต 2 (เบอร์ 4), ศิริโรจน์ ธนิกกุล เขต 3 (เบอร์ 3) และ อานนท์ งามดอกไม้ เขต 4 (เบอร์ 6)
บรรยากาศการหาเสียงเป็นไปอย่างคึกคักตลอดทั้งวัน โดยในช่วงเช้า ณัฐพงษ์และคณะได้เริ่มภารกิจที่อำเภอบ้านแพ้ว เดินพบปะพี่น้องประชาชนที่ตลาดหลักสี่ ก่อนขึ้นรถแห่ประชาสัมพันธ์ไปรอบพื้นที่ จากนั้นเดินทางไปรับฟังปัญหาจากพี่น้องชาวประมง ณ สมาคมประมงสมุทรสาคร และเดินตลาดมหาชัย อ.เมืองสมุทรสาคร
ส่วนช่วงบ่ายได้ขึ้นรถแห่รอบตำบลท่าฉลอม โดยตลอดเส้นทางมีประชาชนออกมาทักทาย มอบน้ำดื่มและอาหารเพื่อให้กำลังใจ พร้อมสะท้อนปัญหาเศรษฐกิจปากท้องให้ทางพรรคได้รับทราบ
ณัฐพงษ์ ได้ให้สัมภาษณ์ภายหลังการหารือร่วมกับสมาคมประมงสมุทรสาคร โดยระบุว่า ปัญหาประมงเป็นวาระเร่งด่วนที่ส่งผลกระทบไม่ใช่แค่สมุทรสาคร แต่รวมถึง 22 จังหวัดทั่วแนวชายฝั่ง แม้ พ.ร.ก.การประมง ฉบับแก้ไขจะผ่านสภาไปแล้วและมีการปรับลดโทษให้เป็นธรรมมากขึ้น แต่โจทย์ใหญ่ที่ต้องทำต่อคือการยกระดับงานวิจัยที่ทันสมัยและได้รับการยอมรับจากทุกฝ่าย เพื่อให้การทำประมงของไทยเกิดความยั่งยืน ทั้งในส่วนของประมงพื้นบ้านและพาณิชย์
โดยทางพรรคประชาชนได้รับข้อเสนอสำคัญจากตัวแทนผู้ประกอบการประมง เรื่องการจัดตั้งหน่วยงานเฉพาะกิจ เช่น กรมประมงทะเล เพื่อดูแลงานวิจัยและบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลโดยตรง ซึ่งพรรคจะนำข้อเสนอนี้ไปพิจารณาความเป็นไปได้และความเหมาะสมต่อไป
นอกจากนี้ ณัฐพงษ์ ยังชูนโยบายเร่งด่วนเรื่อง การกู้ชีพชาวประมง โดยชี้ว่ายังมีเรือประมงอีกนับพันลำที่จอดทิ้งร้าง ทั้งที่ชาวประมงกลุ่มนี้มีศักยภาพในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ แต่ขาดสภาพคล่อง พรรคประชาชนจึงมีข้อเสนอให้ตรากฎหมาย พ.ร.บ.กองทุนกู้ชีพชาวประมง เพื่อเป็นแหล่งเงินทุนอุดหนุนค่าแรง ค่าเชื้อเพลิง และต้นทุนต่างๆ ให้ชาวประมงสามารถนำเรือออกสู่ทะเลได้อีกครั้ง ซึ่งจะช่วยให้เม็ดเงินกลับมาหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจฐานราก
ในช่วงท้าย หัวหน้าพรรคประชาชน ได้กล่าวถึงวิกฤตสิ่งแวดล้อมจาก การแพร่ระบาดของปลาหมอคางดำ ที่สร้างความเสียหายรุนแรงต่อเกษตรกรผู้เลี้ยงสัตว์น้ำ โดยวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของภาครัฐที่ผ่านมาว่า มักเลือกปฏิบัติด้วยการบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวดกับคนตัวเล็กตัวน้อย แต่กลับเพิกเฉยต่อต้นตอ ที่แท้จริงของการระบาด
“เราต่างทราบกันดีว่าใครเป็นต้นเหตุ แต่รัฐกลับไม่ดำเนินการเรียกค่าเสียหายหรือดำเนินคดีอย่างตรงไปตรงมา หากพรรคประชาชนได้เป็นรัฐบาล เราจะปรับปรุงหลักการบังคับใช้กฎหมายให้ถูกต้องและเท่าเทียม เมื่อมีหลักฐานชัดเจน รัฐบาลพรรคประชาชนจะไม่ละเว้นผู้กระทำผิด ไม่ว่าจะเป็นคนนอก หรือคนในของรัฐบาลและของพรรคประชาชนเองก็ตาม ทุกคนที่สร้างภาระให้สังคมต้องรับผิดชอบ” ณัฐพงษ์ กล่าวทิ้งท้าย







