วันนี้ (11 ตุลาคม) ที่อาคารรัฐสภา ณัฐวุฒิ บัวประทุม สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะคณะกรรมการวินัยของพรรค กล่าวถึงความคืบหน้าการสอบสวนกรณี สส. จังหวัดปราจีนบุรี ถูกกล่าวหาว่ามีพฤติกรรมคุกคามทางเพศผ่านข้อความแชตว่า ทางพรรคก้าวไกลได้รับเรื่องร้องเรียนนี้มาระยะหนึ่งแล้ว และได้ตั้งคณะกรรมการสอบวินัยเฉพาะกิจเพิ่มเติม
เนื่องจากเป็นประเด็นเกี่ยวข้องกับเรื่องเพศ อยู่ระหว่างการสืบหาข้อเท็จจริงทั้งจากฝั่งผู้ถูกกล่าวหาและผู้ที่อ้างว่าเป็นผู้เสียหาย รวมถึงพยานหลักฐานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เนื่องจากทั้ง 2 ฝ่ายต่างกล่าวอ้างในตัวบุคคลและหลักฐานจำนวนมาก จึงถือว่ากระบวนการยังไม่สิ้นสุด และยังไม่สามารถระบุเป็นวันเวลาได้ แต่ก็ได้มีการสื่อสารกับผู้เสียหายเป็นระยะๆ ท้ายที่สุดตามข้อบังคับของพรรคก้าวไกลที่แก้ไขใหม่ เมื่อกระบวนการทางวินัยเสร็จสิ้นต้องมีการเสนอเรื่องให้กรรมการบริหารพิจารณา
ณัฐวุฒิกล่าวต่อว่า หากกรณีนี้มีความคืบหน้าชัดเจน พรรคก้าวไกลจะขอแถลงร่วมกับอีกอย่างน้อย 2 กรณีก่อนหน้า ซึ่งอาจเกี่ยวข้องกับเรื่องความรุนแรงและเพศ โดยทั้ง 2 กรณี พรรคได้มีการตัดสินความผิดไปนานแล้ว จำเป็นต้องสื่อสารให้สังคมที่คาดหวังกับพรรคก้าวไกลสูงในประเด็นเหล่านี้ พร้อมย้ำว่าต้องพิจารณาหลักฐานอย่างรอบด้านก่อนจะตัดสิน
ณัฐวุฒิกล่าวชี้แจงอีกว่า กว่าผู้เสียหายจะรวบรวมความกล้าและพยานหลักฐานมาร้องเรียน แม้หลายกรณีไม่มีหลักฐานเลย แต่ก็ถือว่าผู้เสียหายต้องใช้ความกล้า จึงต้องถือว่าเรื่องเหล่านี้มีมูล แต่จะเป็นมูลความผิดแบบใด ยังมีกรณีวงเล็บภายในข้อบังคับพรรคที่แตกต่างกันไป เช่น ส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงของพรรคหรือไม่ อย่างไร หากตัดสินว่ามีความผิดเกี่ยวข้องกับเรื่องเพศจริง ก็ถือเป็นความผิดร้ายแรง ซึ่งโทษมี 2 สถาน คือตัดสิทธิที่พึงมี หมายรวมถึงการอาจตัดสิทธิให้ไม่สามารถลงสมัครรับเลือกตั้ง หรือให้พ้นจากสมาชิกภาพของพรรค แต่ขั้นนี้ยังเร็วไปที่จะตอบว่าผลการพิจารณาจะเป็นอย่างไร โดยยอมรับว่ารับเรื่องนี้มานานแล้วจริง ตั้งแต่มีการร้องเมื่อช่วงเดือนสิงหาคม แต่คณะกรรมการวินัยเห็นว่าพยานหลักฐานยังไม่มากพอ
ส่วนที่พรรคเกิดกรณีลักษณะนี้กับ สส. ค่อนข้างมากนั้น ณัฐวุฒิกล่าวยอมรับว่าไม่ปฏิเสธความรับผิดชอบ พรรคได้อบรมให้ความรู้ว่าที่ผู้สมัครและสมาชิกพรรคในเรื่องของความรู้ด้านความเท่าเทียมทางเพศสำหรับนักการเมืองหนักมาก เมื่อ 2 สัปดาห์ที่แล้ว ตนเองก็ได้ยกตัวอย่างกรณีศึกษาในที่ประชุมให้สมาชิกได้ถกเถียงกัน และพยายามอย่างหนักเพื่อเรื่องนี้มาโดยตลอด และจะพยายามทำให้หนักขึ้น
ณัฐวุฒิกล่าวต่อไปว่า คุณค่าหลักในเรื่องเพศเป็นสิ่งที่พรรคก้าวไกลให้ความสำคัญมากที่สุด แต่ในเมื่อข้อเท็จจริงและหลักฐานของแต่ละรายไม่เหมือนกัน ทั้งสองฝ่ายต่างอ้างพยานหลักฐาน คณะกรรมการวินัยมีมติว่าต้องสอบข้อเท็จจริงเพิ่มในบางประเด็น จึงต้องขอตอบในขั้นนี้ก่อน โดยไม่ได้มีความกังวลว่าจะเป็นการโจมตีกันทางการเมือง เพราะว่ากันตามความถูกผิด ไม่ว่าผู้กล่าวหาจะเป็นใคร ไม่ว่าสังคมจะตัดสินเราแล้วหรือไม่ อย่างไร เราจะว่ากันด้วยความจริงและพยานหลักฐาน และคณะกรรมการวินัยที่ตั้งมาเพิ่มเติมก็มี 2 ท่านที่เป็นผู้หญิง เป็น สส. ที่ทำงานในประเด็นเหล่านี้โดยตรง ประกอบด้วย ศศินันท์ ธรรมนิฐินันท์ สส. กทม. พรรคก้าวไกล และ นิตยา มีศรี สส. สมุทรปราการ พรรคก้าวไกล ร่วมกับคณะกรรมการวินัยเดิม ซึ่งมี วรรณวิภา ไม้สน สส. แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกลด้วย
“ต้องขอเวลา ไม่ใช่ขอเพื่อจะให้ดึงเวลา แต่เพื่อให้ดูพยานหลักฐานอย่างรอบด้านและครบถ้วนก่อนจะมีการตัดสินอะไรออกไป” ณัฐวุฒิกล่าวทิ้งท้าย