วันนี้ (30 มิถุนายน) ที่อาคารรัฐสภา ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะผู้นำฝ่ายค้าน ให้สัมภาษณ์ถึงการทำงานร่วมกับพรรคภูมิใจไทยในฐานะพรรคร่วมฝ่ายค้านว่า ในวันพรุ่งนี้จะเป็นการประชุมวิปฝ่ายค้านร่วมกันครั้งแรก ส่วนในวันพฤหัสบดีนี้ (3 กรกฎาคม) จะเป็นการประชุมหัวหน้าพรรคฝ่ายค้านร่วมกัน
สำหรับการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจคณะรัฐมนตรี มาตรา 151 ที่พรรคภูมิใจไทยจะยื่นในวันที่ 3 กรกฎาคมนี้นั้น มองว่าเป็นหัวข้อที่ต้องพูดคุยกันอยู่แล้ว และยังมีอีกกลไกในสภาที่เป็นทางเลือกในการตรวจสอบรัฐบาลได้ พร้อมยืนยันว่า ไม่ได้เห็นต่างหรือคัดค้านในการยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ มาตรา 151 แต่จังหวะในการยื่นต้องยื่นอย่างไรให้มีความแม่นยำมากที่สุด ภายใต้สถานการณ์ในปัจจุบัน เป็นสิ่งที่คิดว่าต้องประเมินสถานการณ์การเมืองให้ตรงกันระหว่างพรรคร่วมฝ่ายค้านด้วยกันเอง
ณัฐพงษ์กล่าวต่อว่า ในวันพรุ่งนี้ (1 กรกฎาคม) จะมีเรื่องของความชัดเจนตัวคดีของนายกรัฐมนตรีว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีการสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่หรือไม่ ดังนั้นจึงมีหลายช่องทาง สถานการณ์ที่เป็นความไม่แน่นอนทางการเมืองว่านายกรัฐมนตรีจะสามารถปฏิบัติหน้าที่ต่อไปได้หรือไม่ ยืนยันว่าสิ่งที่เราอยากเห็นคืออยากเห็นรัฐบาลชุดใหม่ที่สามารถแก้ไขปัญหาให้กับประชาชนได้ ซึ่งการยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ ม.151 สามารถยื่นได้ 1 ครั้งใน 1 สมัยประชุมต่อ 1 ปี หากยื่นแต่เนิ่นๆ ตอนนี้ เท่ากับว่าหากจะยื่นให้อีกครั้งต้องรอเดือนกรกฎาคม 2569 เลยทีเดียว
เมื่อถามว่า หากยื่นช้าไปอาจไม่ทัน อาจเกิดกรณีอุบัติเหตุทางการเมืองด้วยหรือไม่ ณัฐพงษ์กล่าวว่า สามารถคิดได้ในมุมกลับว่า ตอนนี้หากยื่นญัตติต่อตัวนายกฯ แล้วเกิดอุบัติเหตุต่อตัวนายกฯ เอง ก็ไม่สามารถบอกได้อย่าง 100% ว่าการตีความจะเป็นการยื่นอย่างเสียของหรือไม่ ดังนั้นจากการประเมินสถานการณ์ตอนนี้ คิดว่าสามารถประเมินเวลาและดูสถานการณ์อีกสักหน่อย รอความชัดเจนจากศาลรัฐธรรมนูญ และรอความชัดเจนอีกหลายเรื่องอย่างแม่นยำ เพื่อไม่ทำให้เสียเวลาแต่อย่างใด
สำหรับร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่าย ปี 2569 ที่จะเข้าสู่การพิจารณาในเดือนสิงหาคมนี้ หากเสียงไม่ผ่านจะส่งผลต่อนายกฯ หรือไม่ ณัฐพงษ์กล่าวว่า พ.ร.บ.งบประมาณ ก็เป็นอีกกฎหมายสำคัญ ที่เชื่อว่าในบรรดาทุกกฎหมายต่อจากนี้ที่รัฐบาลจะผลักดัน หากยังเป็นรัฐบาลเสียงปริ่มน้ำอยู่ เกินจากเสียงฝ่ายค้านแค่ไม่กี่เสียงเท่านั้นเอง ก็ยังมีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดอุบัติเหตุทางการเมือง แล้วบรรดาพรรคร่วมรัฐบาลก็ออกมาส่งข้อเรียกร้องต่างๆ ได้ทุกครั้ง
ส่วนการส่งรายชื่อเข้าชิงเก้าอี้รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 2 ในส่วนของพรรคประชาชนคงเสนอไม่ได้ เนื่องจากผูกติดกับตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้านที่รัฐธรรมนูญล็อกไว้ว่า ผู้นำฝ่ายค้านไม่สามารถมาจากพรรคการเมืองที่มีคนดำรงตำแหน่งประธานหรือรองประธานสภาได้ ส่วนพรรคอื่นๆ จะเสนอหรือไม่ ถือเป็นสิทธิของแต่ละพรรคที่จะเสนอ
ส่วนหากพรรคภูมิใจไทยจะเสนอชื่อ ทางพรรคประชาชนจะโหวตหนุนหรือไม่นั้น ณัฐพงษ์กล่าวว่า ต้องรอให้มีพูดคุยในการประชุมพรุ่งนี้ก่อน แต่อาจมีข้อกังวลใจบางส่วน ว่า หากพรรคภูมิใจไทยเสนอชื่อและได้ตำแหน่งรองประธานสภาขึ้นมาจริง ในทางนิตินัยก็ถือว่าอยู่ในฝ่ายรัฐบาลอยู่ ถึงแม้ว่าในทางพฤตินัยจะมีการโหวตและอยู่ในพรรคฝ่ายค้านก็ตาม ซึ่งจะส่งผลถึงบทบัญญัติที่จะมีการเสนอยื่นแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งต้องมีการนับเสียงของฝ่ายค้าน ดังนั้นต้องมีการพูดคุยกันอย่างรอบคอบ