ณัฐพงษ์ท้าธรรมนัสเปิดชื่อมา หากจะดูด ‘งูเห่า’ เพิ่ม เชื่อ ‘สส. กฤษฎิ์’ ทำดีลไว้ล่วงหน้าแล้ว

วันนี้ (14 พฤษภาคม) ที่โรงแรมอวานี ขอนแก่น โฮเทล แอนด์ คอนเวนชั่น เซ็นเตอร์ อำเภอเมืองขอนแก่น จังหวัดขอนแก่น ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส. แบบบัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคประชาชน กล่าวถึงกรณีคลิปเสียงระหว่างตนเองและ กฤษฎิ์ ชีวะธรรมานนท์ สส. ชลบุรี เขต 6 พรรคประชาชน โดยยืนยันว่า เป็นบทสนทนาของตนเองและกฤษฎิ์จริง ซึ่งเมื่อได้ไปพูดคุย ก็ไม่ได้ทราบเช่นเดียวกันว่าใครแอบอัดเสียง และคงตอบแทนกฤษฎิ์ไม่ได้ 

ณัฐพงษ์ย้ำว่า ภายหลังการทราบข่าว ไม่ได้มีความกังวลใจใดๆ เพราะรู้ตัวอยู่เสมอว่าเข้าไปพูดคุยอะไรบ้าง เชื่อมั่นว่าสิ่งที่ได้พูดคุยกันไป ไม่มีอะไรต่อขัดต่อหลักการของพรรค และเชื่อมั่นว่า เป็นการเข้าไปพูดคุย เพื่อหาทางออกที่ดีที่สุด แต่ที่ผ่านมา ในการแถลงข่าวของกฤษฎิ์ ในฐานะที่ตนเองเป็นหัวหน้าพรรคประชาชน ที่ประชาชนให้ความไว้วางใจกับ สส. เขต 6 จังหวัดชลบุรี ก็ต้องให้เกิดความเป็นธรรมกับประชาชน

ส่วนเจตนาคนที่ปล่อยทำไปเพื่อหวังผลอะไรนั้น ณัฐพงษ์กล่าวว่า หากดูในเนื้อหาของคลิป เชื่อว่าตนเองและพรรคไม่ได้เสียหายใดๆ จึงไม่แน่ใจว่าคนปล่อยคลิปทำไปเพื่ออะไร แต่สิ่งที่อยากตั้งคำถามมากกว่า นอกจากตัวของกฤษฎิ์และทีมงานที่ปล่อยออกมา คือ พรรคกล้าธรรม และ ร.อ. ธรรมนัส พรหมเผ่า ประธานที่ปรึกษาพรรคกล้าธรรม ว่าการที่จะได้ สส. เพิ่มมาอีกหนึ่งคน ด้วยวิธีการดูด สส. พรรคอื่นเข้าไป เป็นวิธีการที่สวยงามถูกต้องหรือไม่ 

“หรือต้องใช้วิธีการนี้ เนื่องจากอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อใดๆ ที่เขาต้องการจำนวน สส. ไปต่อรองจำนวนเก้าอี้รัฐมนตรีมากขึ้นหรือไม่” ณัฐพงษ์กล่าว

อย่างไรก็ตาม อยากให้รับฟังข้อมูลครบทุกด้าน เมื่อวานนี้ที่แถลงข่าวร่วมกับ ปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล สส. แบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน และ สหัสวัส คุ้มคง สส. ชลบุรี พรรคประชาชน ได้พูดไปหมดแล้ว จึงเชื่อว่า สิ่งที่กฤษฎิ์ออกมาแถลงข่าว เอาประโยชน์ตัวเองเป็นตัวตั้ง เอาตัวเองเป็นศูนย์กลาง ไม่ได้เอาเรื่องประโยชน์ของประชาชนเป็นตัวตั้ง หรือการดำเนินการของพรรคเป็นตัวตั้ง 

ฝากถึงธรรมนัสใช้วิธีเพิ่ม สส. เหมาะสมหรือไม่

สำหรับกรณีที่กฤษฎิ์หารือในสภาเพื่อขอเข้าเฝ้ารับเสด็จฯ แต่พรรคไม่มองว่าเป็นความผิด เนื่องจากเกรงว่าจะกระทบต่อภาพลักษณ์ใช่หรือไม่ ณัฐพงษ์ยืนยันว่า ที่ผ่านมา เราไม่ได้มองว่าเป็นอะไรที่ขัดกับพรรคอยู่แล้ว แต่มองว่าการนำเสนอนโยบายต่างๆ ที่ผ่านมา เพื่อให้สถาบันพระมหากษัตริย์มั่นคงสถาพร เพื่ออยู่ร่วมกับสังคมสมัยใหม่ได้ เป็นสิ่งที่เราคิดถึงมาโดยตลอด ส่วนกรณีของกฤษฎิ์ไม่ใช่ความผิดทางอาญา รวมถึงเราไม่เคยดำเนินการตามความผิดวินัยของพรรคแต่อย่างใด 

“ส่วนที่บอกว่า เป็นฟางเส้นสุดท้ายอาจจะเป็นสิ่งที่เขารู้สึกไปเอง สิ่งที่เขาหารือในสภา ไม่ได้เป็นการหารือเรื่องของตัวเอง เพราะไม่ใช่ผลประโยชน์ของประชาชนแต่อย่างใด” ณัฐพงษ์กล่าว 

ส่วนอยากฝากอะไรไปถึง ร.อ. ธรรมนัส หรือไม่นั้น ณัฐพงษ์ระบุว่า สิ่งที่อยากได้ สส. เพิ่มเข้ามาใหม่ในพรรคกล้าธรรม โดยใช้วิธีดูด สส. เพิ่มเข้าไปแบบนี้ เป็นวิธีการที่เหมาะสมหรือไม่ และทำไปด้วยเหตุผลอะไร

สำหรับกรณีที่ ไผ่ ลิกค์ สส. กำแพงเพชร พรรคกล้าธรรม เตรียมยื่นร้องจริยธรรมต่อ ยอดชาย พึ่งพร สส. ชลบุรี พรรคประชาชน กรณีเปิดเผยว่า เคยถูกเสนอเงิน 55 ล้านบาท ซื้อตัวเป็นงูเห่าให้กับพรรคการเมืองหนึ่ง ณัฐพงษ์เชื่อในบริสุทธิ์ใจของยอดชาย และเชื่อว่าการให้การของเขาเป็นเรื่องจริง หากจะมีการดำเนินการใดๆ ก็เชื่อว่ายอดชายจะเข้าไปชี้แจง 

ยื่นหนังสือ สส. กฤษฎิ์ ส่ง กกต. ตีความ

ณัฐพงษ์ยังเปิดเผยถึงกรณีที่พรรคประชาชนจะยื่นให้หน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องตีความหนังสือขอยุติบทบาทกับพรรคประชาชนของกฤษฎิ์ว่า ขณะนี้ให้ทีมกฎหมายเตรียมร่างหนังสือไปถึงคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เรียบร้อยแล้ว สำหรับขั้นตอนต่อไป ต้องรอ กกต. ตอบ หากตีความว่า ไม่ได้เป็นหนังสือลาออก จะดำเนินการยื่นร้องต่อหน่วยงานอื่นต่อไป 

ส่วนกรณีที่ ร.อ. ธรรมนัส ระบุว่า จะมี สส. จากพรรคประชาชนย้ายเข้าพรรคกล้าธรรมไปอีก ณัฐพงษ์กล่าวว่า หากพรรคกล้าธรรมมั่นใจในข้อมูลตัวเอง ก็อยากให้เปิดชื่อออกมา ซึ่งทุกคนที่อยู่ในรายชื่อนั้น ก็คงออกมาชี้แจง ไม่อยากให้เกิดการบลัฟฟ์กันไปบลัฟฟ์กันมา โยนกันไปโยนกันมา ถ้ามั่นใจในข้อมูลตัวเองจริงๆ ก็เปิดชื่อออกมาได้เลย 

ผู้สื่อข่าวถามว่า การแสดงออกของกฤษฎิ์ คือ ‘งูเห่า’ หรือความเห็นต่างในการทำหน้าที่ สส. ณัฐพงษ์เห็นว่า พฤติกรรมหนึ่งของกฤษฎิ์ ไม่ว่าจะแอบอัดคลิปโดยที่ตนเองไม่รู้ตัว หรือการพยายามยืนยันและกำหนดวันแถลงข่าวที่ผ่านมา เป็นเหตุที่เราเชื่อได้ว่า ก่อนหน้านี้มีการตกลงกันมาแล้วกับพรรคกล้าธรรม หากย้อนดูจากการให้ข่าวของพรรคกล้าธรรม ก็มีการให้ข่าวแบบนี้ล่วงหน้า 

“หากคุณมีปัญหา ไม่อยากไปต่อกับแนวทางอุดมการณ์พรรค คุณก็เข้ามาคุยกับพวกเรา แต่พฤติกรรมที่ผ่านมา เมื่อผมพยายามเข้าไปพูดคุย ทำความเข้าใจให้มากที่สุด แต่สุดท้ายเหตุผลของเขาฟังไม่ขึ้น และเราเชื่อว่าเขามีการตกลงอะไรกับพรรคอื่นไปแล้ว ก่อนที่จะย้ายพรรคล่วงหน้า ซึ่งเป็นการขัดต่อวินัยพรรค และแนวทางการทำงานของพรรคอย่างชัดเจน และปฏิเสธไม่ได้ว่า ขัดต่ออุดมการณ์ของพรรค ที่ต้องอาสาเข้ามารับใช้ประชาชน โดยไม่ได้ยึดผลประโยชน์ของตัวเองเป็นตัวตั้ง” ณัฐพงษ์ระบุ