วันนี้ (12 ธันวาคม) ที่อาคารรัฐสภา ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส. แบบบัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร พร้อมด้วย ศิริกัญญา ตันสกุล สส. แบบบัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคประชาชน ร่วมกันแถลงข่าวกรณี แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แถลงผลงาน 90 วันของรัฐบาล เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา
ศิริกัญญากล่าวว่า เนื่องจากรัฐบาลจัดการแถลงผลงาน 90 วัน แต่รัฐบาลนี้ไม่ได้เพิ่งมา 90 วัน แต่ดำเนินการบริหารราชการแผ่นดินมารวมแล้ว 1 ปี 4 เดือน ดังนั้นการที่จะบอกว่ามาแถลงผลงานรัฐบาล 90 วัน เป็นเพียงแค่การแถลงนโยบายของนายกฯ คนใหม่ใช่หรือไม่ เพราะคณะรัฐมนตรีมีแต่คนหน้าเดิม
ศิริกัญญากล่าวต่อไปว่า แม้จะใช้ชื่องานว่าแถลงนโยบาย 90 วัน แต่สิ่งที่ได้ยินจากนายกฯ คือการ ‘แถลงฝากงาน’ ทั้งรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีที่ไปร่วมงาน รวมแล้วมีการฝากงานทั้งสิ้น 11 ครั้ง โดยไม่ได้สรุปผลงานที่เคยผ่านมาว่ามีการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าที่เกิดขึ้นอย่างไรบ้าง ทั้งนี้ ยอมรับว่ารัฐบาลนี้ไม่ใช่ไม่มีผลงาน แต่กลับไม่มีการออกมาพูดเรื่องผลงานอย่างจริงจัง ซึ่งอาจจะมีผลงานบางอย่างที่เป็นผลงานได้
“นายกฯ พูดวันนี้โดยไม่ได้ลงรายละเอียดอะไรมาก จึงเป็นเหมือนการแถลงนโยบายภาคสอง พูดแค่หัวข้อ และการพูดในแต่ละหัวข้ออาจจะยังคิดไม่ครบทุกระบบ ปัญหาที่เราทราบกันใหญ่เท่าขุนเขา แต่วิธีการแก้ปัญหาเล็กเท่าขนนก” ศิริกัญญากล่าว
ศิริกัญญาระบุด้วยว่า ยังมีหลายเรื่องที่เราเห็นด้วยและพร้อมที่จะสนับสนุน ไม่ว่าจะเป็นการทลายทุนผูกขาด, การปรับโครงสร้างหนี้, บ้านเพื่อคนไทย หรือการลดค่าไฟ แต่ย้ำว่า ปัญหาคือการไม่ลงในรายละเอียด อีกทั้งไม่ได้มีการพูดถึงแก๊งคอลเซ็นเตอร์หรืออาชญากรรมออนไลน์
อย่างไรก็ตาม ศิริกัญญากล่าวถึงการแก้ไขปัญหา PM2.5 ที่นายกฯ นำตัวเลขออกมาโชว์ให้เห็น แต่เมื่อเทียบกับเป้าหมายที่ เศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกฯ เคยตั้งไว้ จะเห็นว่าเป็นตัวเลขที่ต่ำกว่าเป้าหมายทุกพื้นที่
“ขณะที่โครงการซอฟต์พาวเวอร์ นายกฯ ก็พูดแตะนิดหน่อยว่าจะทำต่อ แต่ต้องขอทวงถามว่า โครงการที่ผ่านมาแล้วตั้งแต่สมัยที่นายกฯ นั่งเป็นประธานอยู่นั้นไม่ได้มีความคืบหน้าอะไร แม้กระทั่งโครงการดิจิทัลวอลเล็ตก็บอกแค่ว่าปีหน้าแจกแน่ แต่ไม่ได้บอกว่าแจกเมื่อไร รวมถึงเงินที่จะแจกผู้สูงอายุปีหน้าก็ยังไม่มีการนำเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) หลังจากที่ถอนเรื่องไป” ศิริกัญญากล่าว
อยากให้รัฐบาลวางบทบาทไทยบนเวทีโลกชัดเจน
ด้านณัฐพงษ์กล่าวว่า สิ่งที่เราอยากเห็นจากรัฐบาลคือการทำให้คนไทยเชื่อมั่นได้ว่า ในปี 2568 ภายใต้บริบทโลกใหม่ นโยบายของรัฐบาลจะเป็นการสร้างโอกาสให้ประชาชนอย่างแท้จริง อยากเห็นการปฏิรูประบบราชการ ซึ่งนายกฯ พูดถึงเศรษฐกิจดิจิทัล รัฐบาลดิจิทัล แต่กลับไม่พูดถึงการต่อต้านคอร์รัปชัน รวมทั้งเรื่องการกระจายอำนาจที่กลับไปพูดถึงการกระจายอำนาจด้วยกองทุน SML ทั้งที่การกระจายอำนาจให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ต้องให้ท้องถิ่นมีอำนาจแก้ไขปัญหาให้ประชาชนได้โดยตรง
ส่วนเรื่องการแก้ปัญหายาเสพติด เราได้ยินแค่ว่า นายกฯ จะทำแพลตฟอร์มรับเรื่องร้องเรียนปัญหายาเสพติด ซึ่งปัญหานี้ใหญ่มาก ไทยไม่สามารถแก้ปัญหานี้ได้เลยถ้าไม่พูดถึงปัญหาชายแดนและปัญหาความขัดแย้งในประเทศเพื่อนบ้าน นโยบายด้านการต่างประเทศกับประเทศเพื่อนบ้านก็ยังไม่ชัดเจน ปัญหาการศึกษาก็ไม่มีการพูดถึง พ.ร.บ.การศึกษา หรือการปฏิรูปหลักสูตรการศึกษาแต่อย่างใด
ขณะที่เรื่องพลังงานไฟฟ้าที่มีความสำคัญ นายกฯ ไม่พูดถึงการยกเลิกสัมปทานพลังงานหมุนเวียนไฟฟ้า 3,600 เมกะวัตต์ ซึ่งขณะนี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานทำหนังสือไปถึงคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ซึ่งนายกฯ เป็นประธานด้วย แต่ก็ไม่มีการพูดถึงว่าจะแก้ปัญหานี้อย่างไร
ณัฐพงษ์ชี้ว่า วันนี้ยังไม่มีความชัดเจนในนโยบายด้านการต่างประเทศ ว่าไทยจะจัดตนเองไปอยู่ในตำแหน่งแห่งที่อย่างไร ในสงครามการค้าโลกที่เราจะได้รับผลกระทบอย่างแน่นอนในปี 2025 ภายใต้ระเบียบโลกใหม่ที่สหรัฐอเมริกากำลังจะตั้งกำแพงภาษีกับประเทศที่สหรัฐฯ ขาดดุลการค้า ซึ่งรวมถึงไทยด้วย
“ผมอยากเห็นนายกฯ มองบริบทประเทศของเราว่าไม่ใช่ Small Country แบบที่คุณเศรษฐาเคยพูดไว้ แต่เราคือ Middle Power Country เราเป็นประเทศที่มีอำนาจต่อรองระดับหนึ่ง ผมอยากเห็นนายกฯ แสดงบทบาทผู้นำบนเวทีอาเซียนในการเจรจาในภูมิภาค เพื่อสร้างความร่วมมือร่วมกันว่าเราจะสร้างอำนาจต่อรองในสงครามการค้าโลกนี้อย่างไร” ณัฐพงษ์กล่าว
ณัฐพงษ์สรุปว่า การแถลงผลงานของนายกฯ ยังไม่ผ่านเกณฑ์ เหมือนการฝากงานที่นายกฯ พูดไม่ครบ คิดไม่จบ เราอยากเรียกร้องให้รัฐบาลให้ความสำคัญกับฝ่ายนิติบัญญัติ โดยเฉพาะการมาตอบกระทู้ถามสดด้วยตนเอง ส่วนการพิจารณาร่างกฎหมายต่างๆ พรรคประชาชนยื่นร่างแก้ไขกฎหมายกว่า 80 ฉบับเข้าสู่การพิจารณาของสภาแล้ว เราอยากทำหน้าที่ฝ่ายค้านเชิงรุก ก็อยากได้ความชัดเจนจากรัฐบาลที่เป็นรูปธรรม หรือร่างกฎหมายของรัฐบาลที่จะยื่นเข้าสู่สภา เพื่อมาพิจารณาร่วมกัน
ส่วนมองนโยบายที่ผิดพลาดที่สุดของรัฐบาลคืออะไร ณัฐพงษ์ระบุว่า นโยบายที่โดดเด่นของพรรคเพื่อไทยที่ทุกคนมองในสมัยก่อนเป็นเรื่องการกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่ 1 ปี 4 เดือนที่ผ่านมา รัฐบาลประสบความล้มเหลว โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต เฟส 1 ที่แจกจ่ายไปแล้ว ภาพรวมของการกระตุ้นเศรษฐกิจก็ยังไม่ดีเท่าที่ควร นอกจากนี้ เฟส 2 และ 3 ก็พูดออกมาชัดว่าเฉพาะเฟส 3 เท่านั้นที่จะแจกเงินดิจิทัล แบบนี้ก็ถือว่าพลาดเป้าไปหลายเป้าที่รัฐบาลเคยแถลงนโยบายไว้ตอนหาเสียง
ณัฐพงษ์ยังมองว่า ถ้าวันนี้นายกฯ มาตอบกระทู้สดในสภา น่าจะได้รายละเอียดที่เป็นความชัดเจนและเป็นประโยชน์ต่อประชาชนมากกว่านี้ พร้อมเผยว่า พรรคเตรียมตัวอภิปรายไม่ไว้วางใจไว้ค่อนข้างดีแล้ว ซึ่งกรอบเวลาที่วางไว้คือภายในไตรมาสแรกของปีหน้า