×

นฤมลเผย กระทรวงเกษตรฯ พร้อมจับมือ Syngenta Group ดันไทยเป็นศูนย์กลางผลิตเมล็ดพันธุ์พืชของโลก

โดย THE STANDARD TEAM
23.01.2025
  • LOADING...
Syngenta Group

วันนี้ (23 มกราคม) ศ. ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ หารือทวิภาคีกับผู้บริหารระดับสูงของบริษัท Syngenta Group ได้แก่ อเล็กซานดรา แบรนด์ EVP Sustainability and Corporate Affairs และ มาร์ก บอล Global Head of Public Affairs เกี่ยวกับการเกษตรในประเทศไทยและบทบาทของนวัตกรรม เพื่อนำไปสู่ความยั่งยืนและเพิ่มประสิทธิภาพผลผลิตทั่วโลก

 

ศ. ดร.นฤมล กล่าวว่า ประเทศไทยเป็นผู้ผลิตและส่งออกสินค้าเกษตรเป็นอันดับต้นๆ ของโลก ภาคเกษตรจึงมีความสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศเป็นอย่างมาก แต่ปัจจุบันเราต้องเผชิญกับความท้าทายในหลายมิติ เช่น ความผันผวนของราคาสินค้าเกษตร ปัจจัยการผลิตมีราคาสูงจากผลของความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ แรงงานภาคการเกษตรมีอายุเฉลี่ยเพิ่มขึ้น และภัยธรรมชาติที่รุนแรงจากสภาพอากาศที่แปรปรวนที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ

 

“สิ่งสำคัญที่กระทรวงเกษตรฯ จะดำเนินการเพื่อรับมือกับความท้าทายข้างต้น คือการเตรียมความพร้อมด้านปัจจัยการผลิต โดยเฉพาะเมล็ดพันธุ์ ซึ่งประเทศไทยมีความหลากหลายของเมล็ดพันธุ์พืช และยังมีความเหมาะสมทางภูมิศาสตร์และภูมิอากาศในการผลิตเมล็ดพันธุ์พืชเมืองร้อนหลายชนิด สามารถผลิตได้มากกว่า 1 รอบต่อปี ซึ่งปัจจุบันไทยเป็นผู้ส่งออกเมล็ดพันธุ์อันดับ 2 ของเอเชีย รองจากประเทศจีน และเป็นอันดับ 9 ของโลก จึงอยากเชิญชวนให้บริษัท Syngenta Group มาลงทุนด้านเมล็ดพันธุ์ในประเทศไทยเพิ่มมากขึ้น เพื่อตอบรับนโยบายของไทยในการเป็นศูนย์กลางเมล็ดพันธุ์พืชของโลก” ศ. ดร.นฤมล กล่าว

 

ศ. ดร.นฤมล กล่าวต่อว่า การวิจัยและพัฒนาพันธุ์พืชใหม่เป็นสิ่งที่ประเทศไทยให้ความสำคัญ โดยเฉพาะการพัฒนาพันธุ์พืชใหม่ที่สามารถต้านทานสภาพอากาศที่แปรปรวน รวมถึงการวิจัยและปรับปรุงพันธุ์พืชโดยใช้เทคโนโลยีปรับแต่งจีโนม (Gene-Editing) ดังนั้น การสร้างความร่วมมือทางวิชาการด้านการวิจัยเมล็ดพันธุ์กับบริษัท Syngenta จึงเป็นโอกาสอันดี เพื่อผลักดันให้ไทยเป็นศูนย์กลางผลิตเมล็ดพันธุ์พืชคุณภาพดีของโลก

 

ศ. ดร.นฤมล กล่าวต่อด้วยว่า กระทรวงเกษตรฯ ยังมีแนวทางการพัฒนาภาคเกษตร ภายใต้โมเดลเศรษฐกิจ BCG ด้วยระบบการผลิตที่ยั่งยืน ครอบคลุมทั้งด้านคุณภาพ ความปลอดภัย โภชนาการ สังคม และสิ่งแวดล้อมตามมาตรฐาน Codex ปรับเปลี่ยนการทำเกษตรแบบดั้งเดิมที่ ‘ผลิตมากแต่สร้างรายได้น้อย’ (More for Less) ไปสู่เกษตรสมัยใหม่ที่ ‘ผลิตน้อยแต่สร้างรายได้มาก’ (Less for More) โดยมุ่งเน้นการพัฒนาสินค้าเกษตรให้มีมูลค่าสูงหรือเป็นสินค้าพรีเมียม โดยเฉพาะกาแฟ โกโก้ ถั่วเหลือง ซึ่งในระยะแรกของการปรับเปลี่ยน เกษตรกรต้องใช้ระยะเวลาและเงินทุน ดังนั้นทางกระทรวงเกษตรฯ จึงมีระบบกลไกสหกรณ์ โดยร่วมมือกับ ธ.ก.ส. เพื่อช่วยสนับสนุนด้านแหล่งเงินทุนให้เกษตรกรรายย่อยด้วยเช่นกัน

 

“กระทรวงเกษตรฯ ยินดีที่จะสร้างความร่วมมือทางวิชาการกับบริษัท Syngenta Group ในการทำการเกษตรที่ยั่งยืนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อให้ประเทศไทยสามารถเป็นแหล่งอาหารที่มีความยั่งยืนและสนับสนุนการสร้างความมั่นคงอาหารของโลก ด้วยแนวทางสำคัญคือ ตลาดนำ นวัตกรรมเสริม เพิ่มรายได้ ภายใต้นโยบายหลัก 9 นโยบาย พร้อมมุ่งมั่นยกระดับสินค้าเกษตรและบริการมูลค่าสูงด้วยการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรม เช่น เกษตรแม่นยำ เกษตรอัจฉริยะ เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ อากาศยานไร้คนขับ มาพัฒนาอาชีพด้านพืช ปศุสัตว์ และประมง เพื่อตอบสนองความต้องการของโลกด้านความมั่นคงอาหาร ซึ่งมีความสอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนขององค์การสหประชาชาติ

 

ขณะที่บริษัท Syngenta Group ระบุว่า ยินดีที่จะให้ความร่วมมือกับกระทรวงเกษตรฯ ของไทยเช่นกัน ในการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมปรับปรุงพันธุ์ และมีแผนที่จะเดินทางมาไทยเพื่อหารือและผลักดันความร่วมมือกันต่อไป

 
  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising