วันนี้ (8 กรกฎาคม) ที่กระทรวงศึกษาธิการ เวลา 07.50 น. ศ. ดร. นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ พร้อมด้วย ลิณธิภรณ์ วริณวัชรโรจน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ, เทวัญ ลิปตพัลลภ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เดินทางมาถึงกระทรวงศึกษาธิการ โดยมี อรรถกร ศิริลัทธยากร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รวมถึงกฤษฎิ์ ชีวะธรรมานนท์ สส. พรรคประชาชน เข้าร่วมมอบช่อดอกไม้แสดงความยินดีเนื่องในโอกาสเข้ารับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
จากนั้นเวลา 08.15 น. รัฐมนตรีทั้งสามได้เริ่มพิธีสักการะพระพุทธรูปและประกอบพิธี เข้ารับตำแหน่งบริเวณศาลพระภูมิ เพื่อความเป็นสิริมงคล โดยได้สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ตามจุดต่างๆ ภายในกระทรวงศึกษาธิการ ก่อนจะเข้าสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์ รัชกาลที่ 6 เวลาประมาณ 09.45 น.
เวลา 09.00 น. ทั้งสามรัฐมนตรีได้เดินทางมาที่ห้องประชุมราชวัลลภ อาคารราชวัลลภ เพื่อพบปะคณะผู้บริหารและหน่วยงานภายในกระทรวงศึกษาธิการ และเข้าร่วมพิธีต้อนรับอย่างเป็นทางการ
ศ. ดร. นฤมลได้กล่าวว่า ในวันนี้คงไม่ใช่การมอบนโยบายอย่างเป็นทางการอะไร เรื่องหลักๆ ที่อยากให้ทุกท่านทราบคือ สิ่งที่ รมต. ศธ. ท่านก่อนๆ ได้ทำไว้ อะไรที่เป็นเรื่องดีก็จะสานต่อ และไม่ได้เอาการเมืองมาเป็นตัวหลักในการดำเนินงาน ขอให้ทุกท่านสบายใจ โดยตนไม่ถือว่าใครเป็นคนของใคร ทุกท่านเป็นข้าราชการของในหลวง และเป็นคนของ ศธ. ฝ่ายการเมืองเข้ามาบริหารเราก็มาเป็นวาระ มาแล้วไป และอยากจะให้เราเป็นครอบครัวเดียวกันไม่อยากให้มีความกังวลใจใดๆ
นอกจากนี้ สิ่งที่ตนอยากทำให้เกิดเป็นรูปธรรมมากขึ้นคือการช่วยให้ครูมีสวัสดิการและกำลังใจในการทำงานให้ดีขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการลดภาระงานต่างๆ การทำระบบโยกย้ายครูให้ระบบเป็นธรรม โดยตนขับรถเข้ากระทรวงมาก็เจอป้าย เรียนดีมีความสุข ซึ่งดูจะโฟกัสที่ตัวนักเรียนเป็นหลักจนลืมบุคลากรทางการศึกษาที่ต้องทำให้มีความสุข
รวมถึงทำให้คุณภาพนักเรียนและคุณภาพการศึกษาดีขึ้นด้วย และการส่งเสริมวิทยาศาสตร์พื้นฐานที่เป็นพื้นฐานสำคัญ รวมไปถึงสิ่งที่ได้รับฝากมาจากผู้ใหญ่หลายท่าน คือการให้ความสำคัญกับหลักสูตรแกนกลางของวิชาประวัติศาสตร์และหน้าที่พลเมือง อยากให้พัฒนาเป็นแบบเรียนและใช้แพร่หลายต่อไปในอนาคต เพื่อให้เยาวชนได้เข้าใจรากเหง้าของตัวเองและหน้าที่ของตัวเอง
ลิณธิภรณ์กล่าวว่า ทั้งตน และ ศ. ดร. นฤมล มองเห็นปัญหาในหลายๆ มิติที่ตรงกัน และอาจนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยเรื่องภาระงานของครูให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น และสิ่งที่ไม่ควรละเลยคืออาชีวะศึกษา ซึ่งจะเป็นพลังขับเคลื่อนหลักในประเทศเช่นเดียวกัน จำเป็นต้องเปลี่ยนภาพลักษณ์ ไม่ใช่แค่เป็น ‘โฟร์คิง’ แต่ต้องสามารถพัฒนาอุตสาหกรรมประเทศที่กำลังจะเติบโต และขอความอนุเคราะห์เรื่องของข้อมูลหรือเรื่องที่จะต้องช่วยกันแก้ปัญหา ขอให้ทุกท่านร่วมมือกัน
ขณะที่ เทวัญกล่าวเพิ่มเติมว่า ตนภูมิใจและเป็นเกียรติอย่างสูงในชีวิตที่ได้มีโอกาสทำงานใน ศธ. ซึ่งตนไม่เคยมีความรู้เรื่องนี้มาก่อน และอยากจะเห็นการศึกษาของเด็กไทยได้ดี เพราะเชื่อว่าทุกที่ทุกประเทศ ประชาชนหรือเด็กนักเรียนในประเทศนั้นๆ ได้รับการศึกษาที่ดี บุคลากรที่ดีก็จะทำให้เศรษฐกิจและการดำเนินการของประเทศไปได้ดีด้วยเช่นกัน เพราะฉะนั้นพื้นฐานการศึกษาเป็นสิ่งสำคัญที่สุด