วันนี้ (14 ธันวาคม) ณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร ผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี หรือเจ้าของฉายา ‘ผู้ว่าฯ หมูป่า’ เปิดเผยถึงกระแสข่าวการลงสมัครเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (ผู้ว่าฯ กทม.) ว่าตนเคยให้ความเห็นมาตลอดว่าทุกคนมีหมวกที่สวมในบทบาทใดแล้วจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด ซึ่งตนเลือกสวมหมวกราชการก็ต้องทำให้ดีที่สุด และการทำงานในระบบราชการตั้งใจทำเป็นอย่างดี และตนเองเติบโตมาจากกรมที่ดิน ก็ได้พัฒนาระบบในกรมที่ดิน เพื่อให้ประชาชนสะดวกในการติดต่อมากยิ่งขึ้น จนถึงตำแหน่งสูงสุดเป็นเบอร์สองในกรมที่ดิน และกระทรวงมหาดไทยได้ตั้งให้เป็นผู้ตรวจราชการจนเป็นผู้ว่าราชการจังหวัด การอยู่ทำงานราชการให้ดีที่สุด และอยากจะเกษียณแบบสง่าผ่าเผยที่สุด ซึ่งถ้าเกษียณก็อยากจะไปสอนหนังสือ วันนี้ก็ยังตั้งใจอยู่แบบนั้น
ณรงค์ศักดิ์เปิดเผยอีกว่า ตลอดอายุราชการก็จะต้องย้ายทะเบียนบ้าน เพราะการจะเป็นผู้ดูแลในพื้นที่ต้องมีทะเบียนบ้านอยู่ในจังหวัดนั้นๆ วันนี้ทะเบียนบ้านของตนเองคือ เลขที่ 6 ถนนเทศปทุม ตำบลบางปรอก อำเภอเมืองปทุมธานี จังหวัดปทุมธานี อยู่จังหวัดปทุมธานี และถ้าอยู่ตรงนี้ ณ วันนี้ คุณสมบัติ เป็นไปไม่ได้ที่จะสมัครลงเลือกตั้ง
ขณะเดียวกันตนขอบคุณผู้ใหญ่หลายคนที่พยายามจะทาบทามและพยายามมาชวน และขอบคุณประชาชนที่สนับสนุน อยากให้ไปช่วย กทม. ขอบคุณที่ให้เกียรติตนเอง
ณรงค์ศักดิ์ยืนยันด้วยว่า คุณสมบัติของตนเองไม่ได้ และพื้นที่ กทม. งานซับซ้อนกว่า ซึ่งการทำงานของผู้ว่าราชการจังหวัด แค่ขอให้ประชาชนในพื้นที่ได้กินอิ่มนอนหลับ ดูเหมือนง่าย แต่ในระบบราชการทำได้ยาก หลายๆ พื้นที่ที่ตนไปดู หากเห็นแล้วว่าเขามีความสุขกัน สำหรับตำแหน่งพ่อเมือง ก็ถือว่ามีความสุขที่ได้เห็นประชาชนที่อยู่หัวเมืองไกลๆ ด้อยโอกาสยิ้มได้ ถือเป็นกำลังใจอย่างมหาศาลในการทำงาน
“วันนี้มาอยู่ปทุมธานี ซึ่งเป็นทั้งกึ่งชนบทและกึ่งเมืองค่อนข้างซับซ้อน ใน 2 เดือนนี้ก็เชื่อว่าไปได้ถูกทาง ยอมรับว่า กทม. มีอะไรซับซ้อนอีกเยอะ คงไม่ถนัดที่จะเข้าไปพื้นที่ที่เป็นหัวใจของประเทศ ขอดูประชาชนในภูมิภาคดีกว่า” ณรงค์ศักดิ์กล่าว
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า กังวลหรือไม่ถ้าไม่ลงสมัครเลือกตั้งแล้วชีวิตราชการจะถึงทางตัน ณรงค์ศักดิ์ตอบว่า การที่ตนสวมหมวกตรงนี้ ภูมิใจที่ตนเป็นพ่อเมืองของคนเป็นล้านคน และพระราชดำรัสของในหลวงรัชกาลที่ 9 จะสอนให้เป็นข้าราชการที่ดี ดังนั้นตราบใดที่เป็นข้าราชการที่ดี ตนเองก็ภาคภูมิใจ
ทั้งนี้ณรงค์ศักดิ์ยังได้เปิดเผยถึงแผนการพัฒนาจังหวัดปทุมธานีที่ตั้งใจทำในปีนี้ โดยได้กำหนดเป้าหมายการท่องเที่ยวใหม่ในการยกระดับนักท่องเที่ยว จากนักท่องเที่ยวปีละ 800,000 คน เป็นปีละ 2 ล้านคน ซึ่งถ้าเป็นไปตามแผนการโปรโมตการท่องเที่ยวเชื่อว่าจะยกระดับการท่องเที่ยว 2 ล้านคนได้ ทำให้มีเงินสะพัดในจังหวัดปทุมธานีเพิ่มขึ้น 4-5 พันล้านบาท
