นารายา แบรนด์คนไทยที่ถูกโควิดทุบเกือบดับ! แต่วันนี้กลับมาหายใจคล่องแล้ว ‘วาสนา’ แม่ทัพใหญ่ ย้ำ พร้อมเดินหน้าสลัดภาพลักษณ์แบรนด์อายุ 35 ปี โดดคอลแลบ ‘น้องเนย’ Butterbear เปิดตัวสินค้าคอลเล็กชันใหม่ ดึงลูกค้าวัยรุ่นตั้งใจอยากเป็นสินค้าไลฟ์สไตล์ไม่ใช่แค่ของฝากอีกต่อไป
“ในช่วงวิกฤตโควิด กำลังการผลิต ‘นารายา’ หายไปกว่า 80% จากการปิดตัวของโรงงาน 4 แห่ง ในช่วงนั้นเราหันมาโฟกัสคนไทย ทำให้วันนี้มีลูกค้าคนไทย เพิ่มมา 30% ยอมรับว่าเริ่มหายใจคล่องขึ้น จากที่ลำบากมามาก โดยปีที่ผ่านมา กลับมาทำยอดขายได้ 700 ล้านบาท ถือว่าค่อยๆ ฟื้นตัว” วาสนา รุ่งแสนทอง ประธานกรรมการบริหาร บริษัท นารายณ์ อินเตอร์เทรด จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายกระเป๋าแบรนด์นารายา (NaRaYa) กล่าว
ปัจจุบันกลุ่มลูกค้าหลัก 70% ยังเป็นนักท่องเที่ยวจาก อินโดนีเซีย มาเลเซีย เวียดนาม และซาอุดีอาระเบีย ส่วนจีนยังไม่กลับมา แต่ก็ถือว่าเป็นไปในทิศทางที่ดี จากนี้มุ่งเดินหน้าขยายการเติบโต ปีนี้ตั้งใจอยากทำรายได้เพิ่มเป็น 1,000 ล้านบาท
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
อีกหนึ่งในโจทย์สำคัญคือวันนี้แบรนด์อยู่มานานกว่า 35 ปี จะต้องปรับภาพลักษณ์แบรนด์ให้สดใสและโมเดิร์นขึ้น ซึ่งจะไม่ได้เป็นแค่ของฝากต่อไปแล้ว ล่าสุด NaRaYa จึงได้จับมือ ‘น้องเนย’ (Butterbear) ร่วมกันเปิดตัวคอลเล็กชันใหม่
โดย ‘วาสนา’ แม่ทัพใหญ่นารายา กล่าวว่า การคอลแลบกันครั้งนี้เป็นโปรเจกต์ของ ‘พศิน ลาทูรัส’ ผู้เป็นลูกชาย หลังจากเข้ามาช่วยบริหารธุรกิจและดูแลด้านการตลาดอย่างเต็มตัวก็มีไอเดียใหม่ๆ มาเสนอเราก็เปิดโอกาสให้ทำเต็มที่
ถามว่าทำไมต้องเลือกน้องเนย ‘พศิน ลาทูรัส’ รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท นารายณ์อินเตอร์เทรด จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายสินค้าแบรนด์ เล่าว่า ด้วยกระแสความสำเร็จของน้องหมีเนยที่มีแฟนคลับทั้งไทย จีน ซึ่งส่วนใหญ่มี loyalty สูง จึงเห็นโอกาสที่จะสร้างการเติบโตร่วมกันบวกกับนารายาต้องการขยายฐานคนรุ่นใหม่เพิ่มขึ้นเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว
สิ่งที่น่าสนใจของ NaRaYa x Butterbear Collection ได้เปิดตัวสินค้า Exclusive Set และสินค้าพิเศษ 11 ชิ้น เช่น พวงกุญแจน้องหมีเนย กระเป๋าผ้า กระเป๋าเครื่องสำอาง กระเป๋าสะพายข้าง หมวกทรงบักเก็ต รองเท้าแตะ โดยยังคงคอนเซปต์การตัดเย็บที่ประณีตแบบแฮนด์เมด คุ้มค่าทนทานต่อการใช้
ตั้งแต่วางขายวันที่ 1 มีนาคมที่ผ่านมา กระแสตอบรับดีมาก เรียกได้ว่าเป็นปรากฏการณ์แรกที่ต้องขยายกำลังการผลิตในบางสินค้าเพิ่มอีกเท่าตัวและในช่วง ปลายปีจึงเตรียมออกเพิ่มอีก 2 คอลเล็กชัน
ทั้งนี้การจับมือกับน้องเนย Butterbear จะช่วยเสริมภาพลักษณ์จากแบรนด์ที่อยู่มานานกว่า 35 ปี ให้สดใสขึ้น และสามารถดึงกลุ่มวัยรุ่นอายุ 15-20 ปี เข้ามาเป็นฐานลูกค้านารายา จากเดิมฐานลูกค้าจะมีอายุ 35 ปีขึ้นไป เบื้องต้นระยะเวลาการคอลแลบกันอยู่ที่ 1 ปี โดยคาดว่าจะสร้างยอดขายเพิ่มขึ้น 15-20%
แต่นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่นารายาคอลแลบกับแบรนด์อื่นๆ หากย้อนไปที่ผ่านมา นารายา เคยจับมือกับ Bacon Time ทีม Esports ออกแบบคอลเล็กชันพิเศษร่วมกันมา โดยตลอด และยังเปิดโอกาสให้กับหลายๆ แบรนด์หากมีเป้าหมายตรงกัน แต่ทั้งนี้ ต้องพิจารณาความพร้อมด้านกำลังการผลิตเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาสินค้าขาดตลาด
สำหรับทิศทางการดำเนินงานต่อจากนี้ บริษัทได้ลงทุน 100 ล้านบาท เพื่อขยายสาขาใหม่อีก 2-3 แห่ง โดยเร็วๆ นี้จะมีการเปิดสาขาสแตนด์อะโลนย่านถนนเยาวราช ส่วนอีก 2-3 แห่ง อยู่ระหว่างเจรจา ส่วนสินค้ามีแผนออกคอลเล็กชันใหม่ เน้นปรับให้เป็นไลฟ์สไตล์ สามารถมิกซ์แอนด์แมตช์กับเสื้อผ้าได้ง่ายขึ้น พร้อมรักษาจุดแข็งสินค้าราคาเข้าถึงง่าย ซึ่งตอบโจทย์ผู้คนในยุคเศรษฐกิจและกำลังซื้อที่ไม่ค่อยดีมากนัก
นอกจากนี้ ยังเตรียมขยายช่องทางจัดจำหน่ายสินค้าในร้าน Daiso ที่ญี่ปุ่นให้ได้ทั้งหมด 150 จุดในปีนี้ และจะเข้าไปทำตลาดบนแพลตฟอร์มของ XiaoHongShu ในจีนด้วยเช่นกัน พร้อมหาพาร์ตเนอร์ที่เป็นโรงงานผลิตเสื้อผ้าที่มีแรงงาน และมีทักษะในการตัดเย็บ เข้ามาช่วยเสริมกำลังการผลิตของบริษัทให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น ซึ่งปัจจุบันบริษัทมีพาร์ตเนอร์ที่เป็นรายใหญ่อยู่ประมาณ 3 ราย
เรียกได้ว่าการกลับมาเคลื่อนไหวและลงทุนใหญ่ในครั้งนี้ คาดว่าจะช่วยกระตุ้นรายได้ของแบรนด์ให้เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 30% และถือเป็นก้าวสำคัญที่จะทำให้ แบรนด์กลับไปเติบโตอย่างเฟื่องฟูเหมือนกับช่วงก่อนโควิดที่เคยทำรายได้กว่า 2,000 ล้านบาทได้อีกครั้ง