ทริปนี้ต้อนรับคนจริงและสายแกร่งเท่านั้น กับเส้นทางล่องแก่งที่ได้ชื่อว่าโหดที่สุดในประเทศไทย เพราะมีความยาวถึง 120 กิโลเมตร ท้าทายความกล้า มาทำให้อะดรีนาลีนหลั่งไหลไปพร้อมกับความสนุกสุดมัน ที่นอกจากใจจะสำคัญแล้ว สิ่งที่ต้องพกพามาด้วยคือทีมเวิร์กและพลังความสามัคคี
ล่องเแก่งน้ำว้า ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของไทยอย่างจังหวัดน่าน ที่มีต้นกำเนิดจากเทือกเขาผีปันน้ำ ที่คอยปล่อยน้ำเชี่ยวกรากไหลผ่านจังหวัดน่าน ซึ่งซีซันแห่งการล่องแก่งน้ำว้ากำลังจะกลับมาอีกครั้ง กับเส้นทางหฤโหดกว่า 120 กิโลเมตร ที่แบ่งเส้นทางล่องแก่งออกเป็น 3 ช่วง ได้แก่
- ช่วงบนสุด เริ่มจากบ้านสปัน มายังบ้านสบมาง ในเขตอุทยานแห่งชาติขุนน่าน ระดับความยากอยู่ที่ระดับ 3-5 ความยาวประมาณ 40 กิโลเมตร
- ช่วงตอนกลาง เริ่มจากบ้านสบมาง อำเภอบ่อเกลือ มายังบ้านน้ำว้า อำเภอ แม่จริม ระดับความยากอยู่ที่ 3-5 เส้นนี้ถือเป็นสายใหม่ที่มีความยาวอยู่ที่ 80 กิโลเมตร วิ่งผ่าน 3 อำเภอในน่าน ถือเป็นเส้นทางไฮไลต์ เพราะมีแก่งปราบเซียนรอคอยเราอยู่ ต้องอาศัยทั้งทีมเวิร์ก ความสามัคคี บวกความชำนาญและประสบการณ์ของนายท้ายเรือ ที่จะทำให้เราฝ่าฟันไปได้ (และแพยางไม่คว่ำ)
- ช่วงตอนล่าง เริ่มจากบ้านน้ำปุ๊ ไปยังบ้านหาดไร่ ระดับความยากอยู่ที่ 2-4 เส้นทางนี้เหมาะสำหรับสายชิล เน้นชมวิวทิวทัศน์ ได้ฟีลแอดเวนเจอร์หน่อยๆ พอให้หัวใจเต้น มีแก่งที่น่าไปสัมผัส อย่างแก่งหลวง แก่งต้นไทร แก่งสาลี่ ฯลฯ สามารถเที่ยวได้วันเดียวจบ ไม่จำเป็นต้องค้างคืน
ส่วนใหญ่แล้ว ล่องแก่งน้ำว้ามักมีการจัดทริปไปเป็นกรุ๊ป แบ่งเป็น 2 วัน 1 คืน หรือ 3 วัน 2 คืน แล้วแต่ความสะดวก โดยจะเริ่มล่องแก่งจากตอนบน ก่อนแวะพักแรมหนึ่งคืน และตื่นเช้ามาล่องต่อในวันรุ่งขึ้น แพยาง 1 ลำสามารถนั่งได้ 7-8 คน ส่วนใหญ่จะสงวนให้ผู้เชี่ยวชาญที่จะช่วยเราบังคับแพ 3 คน ส่วนวิวทิวทัศน์และแก่งที่พบก็จะยากง่ายแตกต่างกัน แต่สิ่งที่มีเหมือนกันคือ การได้ใช้เวลาอยู่ท่ามกลางธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ โดยเฉพาะริมสองฝั่งแม่น้ำของน่าน ซึ่งหาชมได้ยากยิ่งจากการทำกิจกรรมประเภทอื่น
ฤดูกาลที่เหมาะสมกับการล่องแก่งได้แก่ ช่วงเดือนมิถุนายน-กรกฎาคม และ กันยายน-มกราคม แต่พีคสุดในช่วงเดือนสิงหาคมและกันยายน ที่ตอนนี้เริ่มมีเปิดให้จองกันแล้ว ใครอยากไปล่องแก่งน้ำว้า แนะนำว่าคุณควรมีสภาพร่างกายที่แข็งแรง และปฏิบัติตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่หรือผู้เชี่ยวชาญอย่างเคร่งครัด ใส่ชูชีพและอุปกรณ์ป้องกันให้พร้อม และควรประเมินตัวเองอยู่เสมอว่าร่างกายของเรายังไหวที่จะไปต่อหรือไม่ เพื่อความปลอดภัยของตัวคุณเองและคนรอบข้าง ถือเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมสุดท้าทายที่สายแอดเวนเจอร์ควรทำสักครั้งในชีวิต
ภาพ: Shutterstock
อ้างอิง:
