วันนี้ (11 กันยายน) สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เผยแพร่ข้อเสนอแนะต่อคณะรัฐมนตรี เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินการคุมขังใน ‘สถานที่คุมขัง’ ตามระเบียบกรมราชทัณฑ์ พ.ศ. 2566 หลังพบว่ากรอบการบังคับใช้ยังไม่ชัดเจน และอาจเปิดช่องให้เจ้าหน้าที่ใช้ดุลพินิจในลักษณะที่เอื้อประโยชน์แก่ผู้ต้องขังบางราย
ห่วงนิยามไม่ชัด เสี่ยงถูกตีความเกินขอบเขต
ป.ป.ช. ระบุว่า ระเบียบกรมราชทัณฑ์ว่าด้วยการดำเนินการสำหรับการคุมขังในสถานที่คุมขัง ซึ่งประกาศเมื่อวันที่ 6 ธันวาคม 2566 รวมถึงอนุบัญญัติที่เกี่ยวข้อง ยังขาดความชัดเจน โดยเฉพาะการกำหนดคำว่า ‘สถานที่คุมขัง’ ที่อาจถูกตีความกว้างจนรวมถึงบ้านหรือที่พักส่วนตัวของผู้ต้องขัง สร้างความเสี่ยงในการบังคับใช้และอาจนำไปสู่การเลือกปฏิบัติ
ข้อเสนอให้ทบทวนและกำหนดหลักเกณฑ์ชัดเจน
ที่ประชุม ป.ป.ช. ครั้งที่ 78/2568 เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม มีมติเสนอต่อคณะรัฐมนตรีให้มอบหมายกรมราชทัณฑ์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทบทวนระเบียบดังกล่าว โดยควรจัดทำหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่ชัดเจน เพื่อลดโอกาสการใช้ดุลพินิจ พร้อมทั้งสื่อสารสร้างความเข้าใจแก่สังคม เพื่อให้เกิดการตรวจสอบร่วมจากภาคประชาชน เพิ่มความโปร่งใสและลดแรงต้านต่อการดำเนินงาน
แนวทางระยะยาว
ป.ป.ช. ยังเสนอให้กรมราชทัณฑ์พัฒนาระบบสารสนเทศผู้ต้องขังที่มีรายละเอียดครบถ้วน เพื่อใช้ในการจำแนกผู้ต้องขังและบริหารโทษอย่างเหมาะสม อันจะช่วยยกระดับการบริหารจัดการเรือนจำในระยะยาว
สังคมจับตาท่ามกลางบรรยากาศการเมือง
ข้อเสนอของ ป.ป.ช. มีขึ้นในช่วงที่สังคมกำลังให้ความสนใจกับกรณีการคุมขังของ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่เพิ่งถูกศาลตัดสินจำคุก โดยหลายฝ่ายจับตาว่ามาตรการ ‘คุมขังนอกเรือนจำ’ อาจถูกนำมาใช้หรือไม่ในกรณีดังกล่าว ทำให้ประเด็นนี้ถูกมองว่าเป็นทั้งการปิดช่องโหว่เชิงระบบ และการตอบสนองต่อแรงกดดันของสังคมที่ต้องการความชัดเจนและความโปร่งใสจากกรมราชทัณฑ์