วันนี้ (11 ตุลาคม) สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) รายงานว่า ในการประชุม ป.ป.ช. ที่ประชุมมีมติให้สำนักงาน ป.ป.ช. ตั้งคณะกรรมการพิจารณาศึกษาโครงการดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท โดยให้เชิญนักวิชาการ ผู้เชี่ยวชาญ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านการเงิน ด้านเศรษฐศาสตร์ และธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) มาร่วมเป็นคณะกรรมการ เพื่อศึกษารายละเอียดโครงการดังกล่าวว่ามีข้อน่าห่วงใย หรือความสุ่มเสี่ยงที่จะก่อให้เกิดปัญหาการทุจริตหรือผลกระทบด้านเศรษฐกิจในระยะยาว ตามที่มีนักวิชาการและอดีตผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ท้วงติงมาหรือไม่
ขณะนี้อยู่ระหว่างการให้สำนักงาน ป.ป.ช. ไปพิจารณาว่าจะเชิญบุคคลใดบ้าง เพื่อมาร่วมเป็นคณะกรรมการชุดดังกล่าว เพื่อสรุปความเห็นต่อโครงการดังกล่าวและให้ข้อเสนอแนะไปยังรัฐบาล แต่ยังไม่ได้ระบุกรอบเวลาชัดเจนว่าจะใช้เวลาศึกษานานเท่าใด
นิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการ ป.ป.ช. กล่าวว่า สำนักงาน ป.ป.ช. อยู่ระหว่างการพิจารณาว่าจะเชิญผู้เชี่ยวชาญ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านใดบ้างมาร่วมเป็นคณะกรรมการศึกษาโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ยังไม่มีการระบุตัวบุคคลชัดเจนว่าจะเชิญใครมาบ้าง คณะกรรมการชุดนี้มีหน้าที่วิเคราะห์และเฝ้าระวังโครงการดังกล่าวว่ามีความน่าห่วงใยหรือความสุ่มเสี่ยงในด้านใดบ้าง เพราะตามมาตรา 32 พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ให้อำนาจ ป.ป.ช. ในการให้คำแนะนำหน่วยงานรัฐและรัฐบาล เพื่อให้วางมาตรการป้องกันการทุจริตหรือข้อน่าห่วงใยที่อาจเกิดขึ้นกับการดำเนินโครงการต่างๆ ที่มีความสุ่มเสี่ยงได้
เบื้องต้นในโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ป.ป.ช. จะรวบรวมประเด็นที่มีข้อถกเถียง และเชิญผู้มีความรู้ ผู้ทรงคุณวุฒิมาศึกษาร่วมกันว่า โครงการมีความสุ่มเสี่ยงหรือข้อควรระวังในการดำเนินการหรือไม่
จากนั้นถ้ามีข้อห่วงใยจะเสนอความเห็นไปยัง ครม. หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ปรับปรุงการปฏิบัติราชการ เหมือนกับโครงการจำนำข้าวที่ ป.ป.ช. เคยตั้งคณะกรรมการขึ้นมาศึกษาก่อนหน้านี้
“หาก ป.ป.ช. มีข้อเสนอแนะหรือข้อท้วงติงแจ้งไปยัง ครม. แล้ว หาก ครม. ไม่ปฏิบัติตามแล้วเกิดความเสียหายขึ้นมา ก็ต้องรับผิดชอบ เพราะถือว่าเตือนแล้วแต่ไม่ฟัง เมื่อเกิดปัญหาต้องรับผิดชอบ” นิวัติไชยกล่าว