×

นาบี เกอิตา ชิ้นส่วนสุดท้ายที่หายไป (?) ของลิเวอร์พูล

14.08.2018
  • LOADING...

HIGHLIGHTS

3 Mins. Read
  • จังหวะการผ่านบอลของเกอิตาตามนิยามของสำนักสถิติ Opta แล้ว เรียกว่า Second-Assist หรือการผ่านบอลก่อนที่บอลจะถูกผ่านให้กลายเป็นประตู เป็นสิ่งที่ลิเวอร์พูลขาดไปในฤดูกาลที่แล้ว
  • เจมี คาร์ราเกอร์ เคยตั้งคำถามถึงเกอิตาว่า “หลายคนอาจคาดหวังว่า นาบี เกอิตา จะเป็นคนรับหน้าที่ในการสร้างสรรค์เกมได้ แต่มันยังมีคำถามว่า แล้วใครที่จะคอยรับและคอยถ่ายเทบอลไปทั่ว?”
  • สไตล์การเล่นของเกอิตา มีที่มาที่ไปจากการฝึกฝนตัวเองบนถนนลูกหนังในบ้านเกิดที่โคเลยา ถนนที่เต็มไปด้วยอิฐ หิน ปูน ทราย และรถที่จอดรายทาง กับสองเท้าเปล่าเปลือย คู่แข่งที่พร้อมเข้าปะทะอย่างหนักหน่วง ช่วยปูพื้นฐานของเกอิตาในทุกวันนี้

มันเป็นการครอสบอลที่ยอดเยี่ยมของ แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน ด้วยน้ำหนักที่หนักหน่วงแต่พอดี และทิศทางที่แม่นยำนำไปสู่ประตูขึ้นนำของลิเวอร์พูลในนาทีที่ 19

 

โดยผู้ที่ทำประตูได้ต่อหน้าเหล่า Kopites ที่ประจำการบนอัฒจันทร์ฝั่งค็อปเอนด์ ไม่ใช่ใครอื่น หากแต่เป็น โมฮัมเหม็ด ซาลาห์ ราชาลูกหนังในดวงใจคนปัจจุบันของพวกเขา ที่สามารถปลดล็อกความกดดันจากคำถามแทงใจดำว่า เขาจะยังรักษาฟอร์มการเล่นที่เป็นปรากฏการณ์เหมือนในฤดูกาลที่แล้วได้หรือไม่

 

ประตูนี้น่าจะช่วยเจ้าของรางวัลนักฟุตบอลยอดเยี่ยมแห่งปีทุกสถาบันของอังกฤษได้ไม่มากก็น้อยครับ

 

 

อย่างไรก็ดี ก่อนจะถึงประตูของซาลาห์ และก่อนจะถึงการครอสบอลที่ยอดเยี่ยมของโรเบิร์ตสัน สิ่งที่ทำให้เหล่าผู้รู้ในวงการลูกหนังอังกฤษหลายคนถึงกับอดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากชมคือ การขับเคลื่อนเกมของ นาบี เกอิตา ไอ้หนูวัย 22 ปี จากกินี ที่เป็นคนสร้างสรรค์จังหวะการเล่นลูกนี้

 

ในจังหวะนั้นเกอิตาเหมือนไม่ได้ทำอะไรมากนัก นอกจากการลำเลียงบอลขึ้นมา ก่อนจะแทงบอลต่อให้โรเบิร์ตสันที่วิ่งเติมขึ้นมา ซึ่งการผ่านบอลนี้ตามนิยามของสำนักสถิติ Opta แล้ว เรียกว่า Second-Assist หรือการผ่านบอลก่อนที่บอลจะถูกผ่านให้กลายเป็นประตู

 

แต่ตรงนั้นเองครับที่เป็นสิ่งที่ลิเวอร์พูลขาดไปในฤดูกาลที่แล้ว

 

ใครสักคนที่มีความกล้าหาญและสร้างสรรค์มากพอที่จะสร้างความแตกต่างในระหว่างเกมการแข่งขันได้?

 

 

เด็กหนุ่มจากโคเลยา ย่านหนึ่งในเมืองโคนากรี เมืองหลวงของกินี คือคำตอบที่ลิเวอร์พูลต้องการ และผลงานในเกมแรกนั้นทำให้เกิดความรู้สึกขึ้นมาว่า บางทีเขาอาจเป็นชิ้นส่วนสุดท้ายที่หายไปของ ‘เครื่องจักรสีแดง’

 

ที่ผ่านมาไม่มีใครปฏิเสธความดุดันในแดนกลางของลิเวอร์พูล โดยเฉพาะหากเป็น 3 ประสาน จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, จอร์จินิโอ ไวจ์นัลดุม และเจมส์ มิลเนอร์ ลงสนามพร้อมกัน ทั้งหมดต่างเป็นนักเตะที่มีคุณภาพ

 

แต่ทั้ง 3 คน ไม่มีสักคนที่สามารถทำ Second-Assist ได้เลยแม้แต่ครั้งเดียว และใน 68 นัด ที่ได้ลงสนามของทั้ง 3 คนนี้ พวกเขามีส่วนร่วมกับประตูโดยตรง (ยิงหรือแอสซิสต์) เพียงแค่ 8 ลูกเท่านั้น

 

นี่คือสิ่งที่เกอิตาเติมเต็มให้กับทีมได้

 

ความจริงก่อนหน้าที่จะได้ประเดิมสนามในเกมอย่างเป็นทางการนัดแรก เขาเป็นหนึ่งในคนที่ถูกตั้งคำถามมากคนหนึ่ง

 

 

หนึ่งในคนที่สงสัยในขีดความสามารถของเจ้าหนูผู้ที่หาญกล้าเลือกเสื้อหมายเลข 8 ที่เคยเป็นของ สตีเวน เจอร์ราร์ด และไม่เคยมีใครสวมใส่อีกนับตั้งแต่ตำนานกัปตันทีมอมตะแห่งแอนฟิลด์ลาจากไปเมื่อ 3 ปีก่อน คือ เจมี คาร์ราเกอร์ อีกหนึ่งตำนานลูกหนังสายเลือดสเกาเซอร์ (ชาวเมืองลิเวอร์พูล)

 

ความจริงคำถามแรกที่คาร์ราเกอร์ (ที่ปัจจุบันกลับมารับบทนักวิเคราะห์เกมทาง Sky Sports อีกครั้ง หลังโดนลงโทษแบนจากคดีการถ่มน้ำลายใส่แฟนบอล) ตั้งข้อสงสัยคือ ศิลปะในการสร้างสรรค์เกมในแดนกลางที่เป็นจุดด้อยของทีมเก่าในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ก่อนที่เขาจะตั้งคำถามถึงเกอิตาว่า “หลายคนอาจคาดหวังว่า นาบี เกอิตา จะเป็นผู้รับหน้าที่ในการสร้างสรรค์เกมได้ แต่มันยังมีคำถามว่า แล้วใครที่จะคอยรับและคอยถ่ายเทบอลไปทั่ว?”

 

แต่ตลอด 90 นาที ที่แอนฟิลด์ เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา คาร์ราเกอร์ และเหล่าเดอะ ค็อปเอง ก็น่าจะได้คำตอบกันแล้วว่า ใครที่จะรับหน้าที่ Driving Force นั้น

 

ขณะที่ แอนดี ฮินช์คลิฟฟ์ อดีตปีกระดับท็อปในยุคสมัยแรกเริ่มของการก่อตั้งพรีเมียร์ลีก ซึ่งรับบทนักวิเคราะห์ร่วมกับคาร์ราเกอร์มองว่า นักเตะอย่างเกอิตาเป็นผู้เล่นที่รับมือด้วยยาก เพราะบางครั้งก็เลือกที่จะผ่านบอลอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะการผ่านบอลในจังหวะแรกหรือจังหวะที่สอง แต่ในบางครั้งกลับเลือกที่จะใช้ความเร็วและความสามารถในการเลี้ยงบอลทะลุทะลวงทำเกมขึ้นไปเอง

 

แน่นอนครับว่า เกอิตายังไม่ได้ใกล้เคียงกับคำว่าสมบูรณ์แบบ หลายจังหวะดื้อแพ่ง หลายจังหวะขาดความประณีตในการเล่น ซึ่งแตกต่างจาก เจมส์ มิลเนอร์ กองกลางจอมเก๋า ที่เล่นได้เนี้ยบและทำทุกอย่างในสนามได้อย่างถูกต้องและมีความหมายเสมอ

 

แต่ความโดดเด่นจากการเล่นที่กล้าหาญดุจนักผจญภัยของเขาเป็นสิ่งที่สะดุดตาและสะดุดใจคนที่ได้พบเห็น

 

 

สำหรับสไตล์การเล่นเช่นนี้ มีที่มาที่ไปจากการฝึกฝนตัวเองบนถนนลูกหนังในบ้านเกิดที่โคเลยา โดยในบทสัมภาษณ์พิเศษของเขากับ goal.com ชิ้นหนึ่ง เปิดเผยให้เห็นว่า ในวัยเด็กนั้น เกอิตาเล่นฟุตบอลด้วยความเข้มข้นมาโดยตลอด

 

ถนนที่เต็มไปด้วยอิฐ หิน ปูน ทราย และรถที่จอดรายทาง กับสองเท้าเปล่าเปลือย คู่แข่งที่พร้อมเข้าปะทะอย่างหนักหน่วง ช่วยปูพื้นฐานของเกอิตาในทุกวันนี้

 

ไม่ว่าจะโดนหวด โดนเตะ โดนเสียบอย่างไร ถ้าไม่ถึงที่สุดจริงๆ เขาจะไม่ยอมล้ม และจะลุยต่อไปข้างหน้า จนกว่าจะได้ประตู ซึ่งมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยสำหรับเด็กตัวเล็กที่ปัจจุบันโตมาก็ยังเป็นนักฟุตบอลที่ไม่ได้มีรูปร่างใหญ่

 

และเพื่อจะให้ได้รับการยอมรับ เขาจำเป็นต้องสู้เพื่อทุกสิ่งทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นโอกาสที่จะได้เล่น โอกาสที่จะได้บอล โอกาสที่จะได้รับการยอมรับ

 

สิ่งเหล่านี้กลายเป็นที่มาของการเล่นที่ดุดันของเขา ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการเล่นของเกอิตา

 

“มันทำให้ผมไม่กลัวอะไรในสนามเลย” เกอิตาที่ได้รับสมญานามว่า ‘le roi de la rue’ หรือ ‘ราชาแห่งท้องถนน’ กล่าวอย่างมั่นใจ

 

พลังของเขามีส่วนในการเปลี่ยนลิเวอร์พูลให้กลายเป็นทีมที่ดีขึ้น และนำความหวังใหม่มาสู่ทีม

 

 

บางที 1 ปีที่ต้องรอคอย กว่าจะได้ย้ายจากไลป์ซิกมาอยู่ที่เมอร์ซีย์ไซด์ก็นับว่าคุ้มค่าสำหรับทั้งตัวเขาและทีม

 

ในวันที่แมนเชสเตอร์ ซิตี้ยังแข็งแกร่ง สามารถบุกไปสยบอาร์เซนอลได้อย่างไม่ยากเย็น ทั้งที่เล่นกันไม่เต็มประสิทธิภาพที่มี ขณะที่คู่แข่งทีมอื่นๆ อย่างท็อตแนม ฮอตสเปอร์ ยังอ่อนล้าจากพิษฟุตบอลโลก, แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดยังเต็มไปด้วยปัญหาภายใน และเชลซีที่แม้จะเริ่มต้นได้ดี แต่มีสิ่งที่ เมาริซิโอ ซาร์รี ต้องทำอีกมากมาย โดยเฉพาะการรักษา เอเดน อาซาร์ เอาไว้กับทีมต่อไปอีกหนึ่งฤดูกาลให้ได้

 

ลิเวอร์พูลกำลังถูกจับตามองในฐานะทีมที่จะเข้ามาท้าชิงบัลลังก์จากเหล่าซิติเซนส์ได้มากที่สุด

 

ความพยายามและความเชื่อที่ไม่สั่นคลอนของ เจอร์เกน คล็อปป์ ทำให้เขาสามารถค่อยๆ ประกอบชิ้นส่วนเครื่องจักรสีแดงที่เคยชำรุดจนเกือบใช้การไม่ได้ จนกลับมาทำงานและเดินเครื่องได้ดีขึ้นเรื่อยๆ

 

จาก 3 ประสานในแนวรุก โมฮัมเหม็ด ซาลาห์, บ๊อบบี้ เฟียร์มิโน และซาดิโอ มาเน ไล่ไปจนถึงแนวรับ เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค และผู้รักษาประตูใหม่ที่เป็นการแก้ไขปัญหาเกมรับที่ตรงจุดอย่าง อลิสสัน เบคเกอร์ วันนี้ ลิเวอร์พูลมีขุมกำลังที่แกร่งขึ้นอีก

 

และ นาบี เกอิตา เป็นคนที่ถูกมองว่า น่าจะเป็นชิ้นส่วนสุดท้ายที่ทำให้ทีมกลับมาทวงแชมป์ได้อีกครั้งในรอบ 28 ปี

 

จะจริงหรือไม่ วันเวลาจะให้คำตอบครับ

 

พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล

อ้างอิง:

FYI
  • ถึงจะไม่อยากขัดขวางลูก แต่พ่อและแม่ของ นาบี เกอิตา คิดว่าการศึกษาเป็นหนทางที่ยั่งยืนกว่าสำหรับอนาคตของลูก จึงพยายามผลักดันอย่างเต็มที่ให้ไปเรียน แต่สำหรับ นาบี เกอิตา ชีวิตของเขาไม่มีอะไรมากไปกว่าฟุตบอล
  • นาบี เกอิตา เป็นนักฟุตบอลจากแอฟริกาที่มีค่าตัวแพงที่สุดในโลกเวลานี้ที่ 48 ล้านปอนด์
  • ในวัย 16 ปี เขาตัดสินใจข้ามน้ำข้ามทะเลจากกินี มาทดสอบฝีเท้าที่ฝรั่งเศส แน่นอนว่าเขาทำเพื่อความฝันของตัวเอง แต่อีกส่วนนั้นเขาต้องการหารายได้เพื่อดูแลครอบครัวด้วย
  • ในช่วงที่ทดสอบฝีเท้า เขาเจอปัญหาใหญ่คือ เขาไม่รู้ว่าโค้ชสั่งอะไร! เพราะไม่เคยเรียนในอคาเดมี โรงเรียนลูกหนังของเขาคือท้องถนนในบ้านเกิด และไม่เคยทำอะไรมากไปกว่าการได้บอล เลี้ยงบอลไป เลี้ยงผ่านคู่แข่ง และยิงประตู
  • คริสเตียน ไฮเดิล ผู้อำนวยการทีมชาลเก 04 บอกว่า การมีเกอิตาในสนามทำให้ไลป์ซิกเหมือนมีผู้เล่น 12 คน
  • คนสำคัญในชีวิตของเกอิตาคือ ซาดิโอ มาเน ที่เคยเล่นร่วมกันสั้นๆ ในทีมซัลซ์บวร์ก โดยมาเนเป็นพี่ใหญ่คอยดูแลให้คำแนะนำทุกอย่าง รวมถึงหนึ่งในคำแนะนำที่สำคัญที่สุดในช่วงที่ยังไม่ได้โอกาสลงสนามคือ ‘อดทน’
  • ถึงจะเปิดตัวได้อย่างสวยงามตั้งแต่ช่วงพรีซีซั่นจนถึงช่วงเปิดฤดูกาล แต่คล็อปป์เปิดเผยปัญหาของเกอิตาในเวลานี้ว่า เป็นเรื่องของภาษาที่ยังไม่รู้จะหาภาษากลางอะไรมาสื่อสารกันดี เพราะพูดภาษาอังกฤษได้นิดหน่อย ภาษาเยอรมันได้นิดหนึ่ง ยังดีที่ยังมีคนในทีมที่สื่อสารด้วยภาษาฝรั่งเศสได้บ้าง
  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising
X