×

รองปลัดมท. เผยดีเดย์ 1 ต.ค. เปิดทางแรงงานเมียนมา 40,000 คนจากศูนย์พักพิง ออกทำงานทดแทนแรงงานขาดแคลน

โดย THE STANDARD TEAM
13.09.2025
  • LOADING...
แรงงานเมียนมา

วันนี้ (13 กันยายน) ชำนาญวิทย์ เตรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงความคืบหน้าที่คณะรัฐมนตรีอนุญาตให้ผู้หนีภัยการสู้รบจากเมียนมา (ผภร.) ในพื้นที่พักพิง 9 ศูนย์ ทำงานได้ไม่เกิน 1 ปี ว่าเรื่องนี้จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 ตุลาคม 2568 ระหว่างนี้กระทรวงมหาดไทย กระทรวงแรงงาน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง กำลังพูดคุยกันถึงขั้นตอนการนำแรงงานเมียนมามาขึ้นทะเบียนที่กรมการปกครอง ซึ่งขณะนี้มีอยู่ประมาณ 4 หมื่นคน 

 

จากนั้นเมื่อขึ้นทะเบียนแล้วก็จะให้สิทธิพักพิงอยู่ในศูนย์ก่อน ถ้าจะออกนอกศูนย์ไปทำงานก็ต้องขออนุญาตนายอำเภอ เมื่อนายอำเภออนุญาตแล้ว จัดหางานจังหวัดจะมาดูทักษะว่าจะทำงานด้านใดบ้าง  เช่น ช่างไม้ ช่างสี ช่างปูน หรือไร้ฝีมือ จากนั้นจะนำนายจ้างมาที่อำเภอเพื่อทำสัญญา 

 

ทั้งนี้ก่อนทำสัญญาหรือยื่นใบอนุญาตต้องมีการตรวจสุขภาพให้กับแรงงาน และทำเรื่องประกันสุขภาพ ก่อนยื่นคำร้องออกนอกพื้นที่ โดยจัดหางานจังหวัดจะประสานเรื่องการออกใบอนุญาตทำงานและส่งไปยังที่อำเภอปลายทางที่ต้องการแรงงาน ควบคุมการจ้างงานตามสัญญาอยู่ได้สูงสุด 1 ปี 

 

เมื่อครบ 1 ปีก็ต้องกลับมาที่ศูนย์ฯ หรือคนที่ทำสัญญา 3 เดือนก็ต้องกลับมาที่ศูนย์  แต่ระหว่างนี้หากใครต้องการแรงงานอีกก็ต้องไปยื่นคำร้องใหม่ เพื่อขอแรงงานออกไปทำงานได้ แต่ต้องเป็นไปตามสัญญา คือ ไม่เกิน 1 ปี 

 

“ตัวอย่างเช่น ครบสัญญา 3 เดือนแล้วกลับมามีนายจ้างมาจ้างก็ออกไปใหม่ได้อีก ดูเป็นสัญญาต่อสัญญาและต่อคน แต่ต่อสัญญาไม่เกิน 1 ปี นี่คือแนวบริหารจัดการ”ชำนาญวิทย์กล่าว

 

ชำนาญวิทย์ ยังกล่าวอีกว่า จะมีการฟรีค่าธรรมเนียมสำหรับแรงงานที่ขึ้นทะเบียนครั้งแรก เพราะกลุ่มคนเหล่านี้อยู่ในศูนย์ฯไม่มีเงินที่จะมาเป็นค่าใช้จ่าย ดังนั้น ค่าธรรมเนียมสิ่งใดที่ลดได้ก็จะลดลง เหลือแต่ประเด็นตรวจสุขภาพสาธารณสุขเท่านั้น ที่ไม่สามารถลดค่าใช้จ่ายได้ โดยลูกจ้างกับนายจ้างต้องไปพูดคุยค่าใช้จ่ายในประเด็นนี้ เพราะกระทรวงแรงงานได้ลดค่าธรรมเนียมการดำเนินการขึ้นทะเบียนให้ได้แล้ว อย่างไรก็ตาม ขณะนี้มีศูนย์พักพิง 9 ศูนย์ในพื้นที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน จังหวัดตาก จังหวัดกาญจนบุรี และจังหวัดราชบุรี 

 

ส่วนพื้นที่ภาคตะวันออกที่มีปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา ที่ขาดแคลนแรงงานจะมีการส่งไปสนับสนุนอย่างไรนั้น ชำนาญวิทย์ กล่าวว่า จะมีแรงงานส่วนนี้ไปเติม ซึ่งจากเดิมผู้อพยพจะทำงานอยู่รอบศูนย์ฯ ดังนั้นกระบวนการนี้ก็คิดเผื่อไปทดแทนแรงงานกัมพูชา กรณีที่แรงงานฝั่งตะวันตกจะเดินทางไปฝั่งตะวันออก ก็ได้วางแผนไว้แล้วตามที่กล่าวมาข้างต้น คือ ให้อำเภอนั้นมาขออนุญาตและนำไปที่ปลายทาง ซึ่งปลายทางอาจจะเป็นจังหวัดระยอง จันทบุรี ก็ดำเนินการประสานงานกัน  โดยจัดหางานจังหวัดนั้น 

 

เมื่อครบสัญญาก็นำกลับมายังศูนย์พักพิง แต่ทั้งนี้ก็มีข้อจำกัดว่าแรงงานที่ทำต้องไม่เป็นงานที่สงวนไว้กับคนไทย หรือกรณีที่กฎหมายแรงงานห้ามคนต่างด้าวทำ แต่ทั้งนี้มีการจำกัดไม่ให้เดินทางไปในพื้นที่ภาคอีสานหรือภาคใต้ เนื่องจากดูจากแรงงานความต้องการในพื้นที่แล้ว ภาคกลางและภาคตะวันออกมีมากกว่า ดังนั้นจึงต้องระบายแรงงานที่มีถึง 4 หมื่นคนระบายไปในพื้นที่ที่จำเป็นก่อน 

 

ส่วนความต้องการแรงงานทดแทนชาวกัมพูชามีเท่าไรนั้น ชำนาญวิทย์ กล่าวว่า ข้อมูลทั้งหมดอยู่ในวอร์รูม ของกระทรวงแรงงาน ขณะนี้ยังไม่มีการเปิดเผยว่าต้องการแรงงานทดแทนเท่าไหร่ แต่ทราบว่ายอดแรงงานกัมพูชาอยู่ที่ประมาณ4-5 แสนคนในทั่วประเทศและได้ทยอยเดินทางกลับกัมพูชา ซึ่งกระทรวงแรงงานกำลังสำรวจ แต่ทั้งนี้เชื่อว่าแรงงานจากศูนย์ฯถึง 4 หมื่นคนจะสามารถทดแทนได้ในระดับหนึ่ง ไม่สามารถทดแทนได้ 100 % 

 

ดังนั้นกระทรวงแรงงาน จะต้องไปดูว่าหากไม่พอแล้วต้องใช้แรงงานจากส่วนไหน ซึ่งก่อนหน้านี้มีข้อเสนอให้ใช้แรงงานไทยผ่านกรมราชทัณฑ์มาฝึกอาชีพ แล้วนำมาทดแทน และใช้แรงงานที่พึ่งตนเองก่อนได้ จากนั้น ค่อยไปใช้แรงงานต่างชาติ ซึ่งเรื่องนี้จำเป็นต้องส่งเสริมเรื่องการใช้แรงงานคนไทย

 

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising