วันนี้ (22 ธันวาคม) พล.อ. คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม เปิดเผยว่า พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้ย้ำฝ่ายความมั่นคงให้ความสำคัญ เฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์ชายแดนไทย-เมียนมาที่รุนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยให้ยังคุมเข้มมาตรการชายแดน ทั้งการผ่าน เข้า-ออกของบุคคลและสินค้าตามช่องทางผ่านแดนที่กำหนด รวมทั้งเพิ่มความเข้มข้นกวดขันการลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมายของแรงงาน สินค้า รวมทั้งอาวุธสงครามและยาเสพติดที่มีมากขึ้น
โดยเฉพาะการสู้รบตามแนวชายแดนระหว่างทหารเมียนมากับกองกำลังชนกลุ่มน้อยที่มีการปะทะกันด้วยอาวุธหนักและซุ่มโจมตีกัน ส่งผลให้ประชาชนทั้งสองฝั่งได้รับผลกระทบ และยังไม่มีแนวโน้มหรือท่าทีเจรจากัน
การสู้รบดังกล่าวเริ่มรุนแรงขึ้นหลังสิ้นฤดูฝน โดยเฉพาะพื้นที่รัฐกะเหรี่ยงชายแดนด้านเมียวดี-แม่สอด จังหวัดตาก ซึ่งมีการอพยพชาวเมียนมาที่หลบหนีภัยจากการสู้รบกว่า 3,000 คน เข้ามาอยู่ในพื้นที่ชายแดนตรงข้ามอำเภอแม่สอด และมีกระสุนจากอาวุธหนักพลัดตกเข้ามาฝั่งไทยในพื้นที่บ้านดอนไชยและบ้านแม่หละ ซึ่งกองกำลังป้องกันชายแดนทหาร ตำรวจ ได้เข้าควบคุมสถานการณ์ด้วยการแจ้งเตือนผ่านกลไกชายแดนและตอบโต้ด้วยกระสุนควัน และร่วมกับฝ่ายปกครองดูแลอพยพคนไทยในพื้นที่เสี่ยงออกไปยังที่ปลอดภัย
ทั้งนี้ ระหว่างวันที่ 16-21 ธันวาคมที่ผ่านมา ได้มีชาวเมียนมาหลบหนีภัยจากการสู้รบข้ามมาฝั่งไทยแล้ว รวม 4,216 คน ซึ่ง พล.อ. ประวิตร ได้สั่งการฝ่ายความมั่นคง โดยศูนย์บัญชาการชายแดน จังหวัดตาก ให้การช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมตามหลักสิทธิมนุษยชน และอำนวยความสะดวกนำผู้หนีภัยจากการสู้รบเข้าพื้นที่ปลอดภัยชั่วคราวฝั่งไทยในอำเภอแม่สอด ที่จัดตั้งขึ้น 3 พื้นที่ที่ผ่านมา โดยเน้นให้ปฏิบัติตามมาตรการควบคุมโรคและให้สนับสนุนอำนวยความสะดวกเดินทางกลับภูมิลำเนาตามความสมัครใจเมื่อสถานการณ์ปลอดภัย โดยมีบางส่วนเดินทางกลับแล้วรวม 861 คน ยังคงเหลือผู้หลบหนีภัยจากการสู้รบชาวเมียนมาในไทยรวม 3,355 คน ในพื้นที่ตำบลแม่ตาว 2,075 คน พื้นที่ตำบลมหาวัน 1,221 คน และพื้นที่ตำบลแม่กุ 59 คน ซึ่งฝ่ายความมั่นคงได้เพิ่มการคุมเข้มดูแลการเข้า-ออกพื้นที่ปลอดภัยชั่วคราวทั้ง 3 พื้นที่ ตลอด 24 ชั่วโมง และขอความร่วมมือผู้ไม่เกี่ยวข้องเข้าพื้นที่ เพื่อความปลอดภัยตามมาตรการควบคุมโรคร่วมกัน