×

จับตาเมียนมาป้องกันวิกฤตการเงิน จับประชาชน-นายหน้าซื้อคอนโดในไทย กวาดล้างโอนเงินข้ามแดนผิดกฎหมาย

07.06.2024
  • LOADING...

ช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา ปรากฏรายงานข่าวจาก The Irrawaddy สื่อท้องถิ่นเมียนมา ที่รายงานว่า รัฐบาลทหารเมียนมาเดินหน้าปราบปรามการซื้อ-ขายคอนโดมิเนียมในไทยที่เกิดขึ้นภายในประเทศเมียนมาแบบผิดกฎหมาย โดยมีผู้ถูกจับกุมเป็นผู้ซื้อและนายหน้าชาวเมียนมา 5 คน ที่เกี่ยวข้องกับการทำธุรกรรมเชื่อมโยงกับงาน Property Expo หรืองานเสนอขายอสังหาริมทรัพย์ของไทย 2 งานที่จัดขึ้นในโรงแรมหรูกลางนครย่างกุ้ง

 

นอกจากนี้ยังมีรายงานว่า ทางการเมียนมาดำเนินการอายัดบัญชีธนาคารของ 39 บุคคลที่ถูกกล่าวหาว่าให้บริการโอนเงินโดยไม่มีใบอนุญาต หรือที่กลุ่มแรงงานข้ามชาติเมียนมารู้จักกันในชื่อระบบโอนเงิน ‘ฮุนดี’ (Hundi) ซึ่งเป็นการโอนเงินผ่านตัวแทนนอกระบบ

 

ความเคลื่อนไหวทั้ง 2 กรณีถูกมองว่าเป็นความพยายามของรัฐบาลทหารเมียนมา ในการป้องกันการล่มสลายทางการเงินจากการไหลเข้าและออกของเงินตราผ่านช่องทางผิดกฎหมาย ท่ามกลางสถานการณ์ในตลาดการเงินเมียนมาที่เริ่มส่งสัญญาณวิกฤต จากการที่สกุลเงินจัตร่วงต่ำสุดเป็นประวัติการณ์กว่า 5,000 จัตในช่วงสัปดาห์ที่แล้ว เช่นเดียวกับราคาทองคำที่พุ่งสูงทุบสถิติ

 

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกำลังสะท้อนภาวะความไม่ปกติในเมียนมาที่ลุกลามจากไฟสงครามมาสู่วิกฤตเศรษฐกิจ ขณะที่รัฐบาลทหารเมียนมา นอกจากจะไม่สามารถแก้ไขความผิดพลาดในการบริหารนโยบายการเงินได้ ยังชี้นิ้วจัดการพลเรือนของตนเอง โดยมองว่าเป็นต้นตอของปัญหา ซึ่งยังไม่แน่ว่าจะช่วยให้วิกฤตนั้นลดลงหรือไม่

 

ผู้ซื้อคอนโดมิเนียมต่างชาติรายใหญ่ของไทย

 

สื่อกระบอกเสียงรัฐบาลทหารเมียนมาประกาศในรายงานข่าวเมื่อวันจันทร์ (3 มิถุนายน) ว่าได้จับกุมผู้อำนวยการและผู้จัดการทั่วไปของบริษัทนายหน้า Minn Thu Co. ที่จัดงานเสนอขายคอนโดมิเนียมในไทยขึ้น 2 ครั้งที่โรงแรม Sedona ในย่างกุ้ง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

 

รัฐบาลทหารกล่าวหาทั้งสองว่าได้โอนเงินค่าคอนโดมิเนียมจากผู้ซื้อในเมียนมาหลายรายมายังไทย ผ่านบริการโอนเงินฮุนดีที่ผิดกฎหมาย

 

ขณะที่ชาวเมียนมาอีก 3 คนถูกจับกุมข้อหาซื้อคอนโดมิเนียมในไทยผ่านบริษัท Minn Thu Co. และถูกกล่าวหาว่าเปิดบัญชีในไทยเพื่อโอนเงินค่าคอนโดมิเนียมโดยไม่ได้รับอนุญาตจากธนาคารกลางแห่งเมียนมา 

 

การจับกุมพลเมืองเมียนมาที่เกี่ยวข้องกับการซื้อ-ขายอสังหาริมทรัพย์ในไทยดังกล่าวเกิดขึ้นท่ามกลางจำนวนชาวเมียนมาที่แห่กันซื้อคอนโดมิเนียมและที่อยู่อาศัยในไทยเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง 

 

สิ่งที่เกิดขึ้น แน่นอนว่าเป็นผลพวงจากสถานการณ์ความขัดแย้งและการสู้รบในเมียนมาภายหลังการรัฐประหารเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2021 ซึ่งทำให้ประชาชนเมียนมาไม่น้อยต้องการหนีออกนอกประเทศ 

 

ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ของไทยระบุว่า ในปี 2022 ชาวเมียนมาติด 10 อันดับกลุ่มชาวต่างชาติที่ซื้อคอนโดมิเนียมในไทยมากที่สุดเป็นครั้งแรก ขณะที่ช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ ชาวเมียนมากลายเป็นกลุ่มผู้ซื้อคอนโดมิเนียมชาวต่างชาติที่ใหญ่ที่สุดอันดับ 2 

 

อย่างไรก็ตาม เนื่องจากผู้ซื้อชาวเมียนมาไม่น้อยที่ซื้อคอนโดมิเนียมหรืออสังหาริมทรัพย์แบบอื่นๆ ในไทยผ่านนอมินีหรือตัวแทนชาวไทย ทำให้เป็นไปได้ว่าจำนวนชาวเมียนมาที่ซื้ออสังหาริมทรัพย์ในไทยอาจสูงกว่าข้อมูลที่มีรายงาน

 

โดยที่อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก ซึ่งอยู่ติดกับพรมแดนเมืองเมียวดีของเมียนมา ที่มีการสู้รบดุเดือดระหว่างกองทัพรัฐบาลทหารและกองกำลังกะเหรี่ยง KNU ในช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมา พบว่ามีชาวเมียนมาไหลทะลักข้ามพรมแดนมามากขึ้นตั้งแต่ช่วงหลังการรัฐประหาร และยิ่งมากขึ้นในช่วงที่การสู้รบทวีความรุนแรง

 

รายงานจาก Bangkok Post เมื่อไม่นานนี้ อ้างคำพูดของผู้บริหารศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์รายหนึ่งที่เพิ่งไปเยือนอำเภอแม่สอด ซึ่งเผยว่า “บ้านแนวราบนั้นขายดีมาก และทุกหลังซื้อด้วยเงินสดในชื่อคนไทย” ซึ่งเขามองว่าสาเหตุหลักเป็นเพราะ ‘ชาวเมียนมากำลังมองหาพื้นที่ปลอดภัย’

 

รัฐบาลเมียนมาเพ่งเล็ง-ตรวจสอบผู้ซื้อคอนโดในไทย

 

สำหรับสถานการณ์ทางเศรษฐกิจของเมียนมาหลังการรัฐประหารและเผชิญมาตรการคว่ำบาตรจากนานาประเทศ ส่งผลให้สกุลเงินจัตร่วงลงเป็นระยะ

 

ในขณะที่กลุ่มชาวเมียนมาที่ร่ำรวยและครอบครัวพากันมาซื้อคอนโดมิเนียมในไทยเพื่ออยู่อาศัย และในอีกแง่หนึ่งอาจมองได้ว่าเป็นการเปลี่ยนเอาความมั่งคั่งของพวกเขาจากสกุลเงินเมียนมามาเป็นสกุลเงินบาท

 

The Irrawaddy เผยข้อมูลจากแหล่งข่าวรายหนึ่งที่คุ้นเคยกับตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทย ซึ่งระบุว่า ชาวเมียนมาส่วนใหญ่ราว 90% ที่ซื้อคอนโดมิเนียมในไทยนั้นเป็น ‘คนธรรมดา’ และอีกประมาณ 10% ที่เหลืออาจมีความเชื่อมโยงกับรัฐบาลทหาร อดีตรัฐมนตรี หรือกองทัพเมียนมา

 

“ปกติแล้วพวกเขาจะใช้ตัวแทนของไทยเพื่อซ่อนทรัพย์สินของพวกเขา” เขากล่าว

 

ทั้งนี้ เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว มีรายงานว่า เซอร์เก ปัน (Serge Pun) ประธานกลุ่มบริษัท Yoma Group หนึ่งในนักธุรกิจผู้ทรงอิทธิพลและร่ำรวยที่สุดคนหนึ่งของเมียนมา ถูกเจ้าหน้าที่รัฐบาลทหารสอบสวน หลังถูกกล่าวหาว่า ธนาคาร Yoma ได้ให้สินเชื่อแก่ชาวเมียนมาที่ซื้อคอนโดในไทย

 

ขณะที่ผู้บริหารฝ่ายประชาสัมพันธ์ของ Yoma Group ปฏิเสธรายงานดังกล่าว และยืนยันว่าไม่มีการดำเนินกิจการที่เกี่ยวข้องกับการขายคอนโดมิเนียมหรืออสังหาริมทรัพย์ในไทย พร้อมยืนยันอีกว่า เซอร์เก ปัน ยังอยู่ที่บริษัทและทำงานตามปกติ

 

กระแสข่าวชาวเมียนมาแห่เข้ามาซื้อคอนโดมิเนียมในไทยตลอดหลายปีที่ผ่านมา ส่งผลให้รัฐบาลทหารเมียนมาเริ่มตรวจสอบความเป็นมาของผู้ที่ซื้อคอนโดในไทยเพื่อตรวจสอบแหล่งที่มาของรายได้ การเสียภาษี และการซื้อผ่านช่องทางทำธุรกรรมที่ผิดกฎหมาย

 

ในรายงานข่าวเมื่อวันจันทร์ (3 มิถุนายน) ทางการเมียนมายังขู่ว่าจะจับกุมชาวเมียนมาที่ซื้อหรือขายคอนโดในตลาดต่างประเทศผ่านช่องทางออนไลน์ด้วย

 

ลูกๆ มิน อ่อง หล่าย ก็มีคอนโด-บัญชีธนาคารไทย

 

อย่างไรก็ดี การปราบปรามการซื้อคอนโดมิเนียมและถือบัญชีในไทยนั้นอาจไม่ครอบคลุมถึงบุตรสาวและบุตรชายของ พล.อ.อาวุโส มิน อ่อง หล่าย ผู้นำรัฐประหาร ซึ่งก่อนหน้านี้เคยปรากฏข่าวว่า ทั้งสองถือครองบัญชีธนาคารไทยและมีกรรมสิทธิ์ในคอนโดหรูแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ

 

ข้อมูลดังกล่าวถูกเปิดเผยหลัง ตุน มิน ลัต (Tun Min Latt) นายทหารและนายหน้าค้าอาวุธชื่อดังถูกจับกุมในกรุงเทพฯ เมื่อเดือนกันยายน 2022 ซึ่งทางการไทยสามารถตรวจยึดเอกสารหลักฐาน รวมถึงสมุดบัญชีธนาคารไทยของ ขิ่น ธิรี เธต โมน (Khin Thiri Thet Mon) บุตรสาวของ มิน อ่อง หล่าย และโฉนดคอนโดในชื่อของบุตรชายคือ อ่อง แป โซน (Aung Pyae Sone) 

 

โดย Justice For Myanmar รายงานว่า คอนโดของบุตรชายผู้นำรัฐบาลทหารเมียนมานั้นเป็นคอนโดหรูขนาด 4 ห้องนอน ซึ่งมีมูลค่าสูงเกือบ 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

 

ภาพ: Supermop / Shutterstock

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

X
Close Advertising