“ตอนนั้นผมอายุแค่ 13 ปี เด็กจนไม่รู้จักคำว่ากดดันเวลาแข่งขัน” – ธีรัช โพธิ์พานิช (1981)
“ซีเกมส์ทำให้ผมมีโอกาสเข้าเฝ้า และน้อมนำคำสอนนั้นมาใช้จนถึงทุกวันนี้” – เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง (1993)
“ทุกความสำเร็จ ล้วนเกิดจากความพยายามและความตั้งใจ” – นุศรา ต้อมคำ (2011)
กว่า 40 ปี บนเส้นทางซีเกมส์ ชื่อของพวกเขาคือภาพสะท้อนของ “หัวใจทีมชาติไทย” ที่ส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่น
เพราะสำหรับนักกีฬา ซีเกมส์ไม่ใช่แค่สนามแข่งขัน แต่มันคือพิธีกรรมแห่งการเติบโตที่หล่อหลอมความฝัน ความพยายาม และความภูมิใจในธงไตรรงค์
จากยิมไม้เก่าในปี 1981 ถึงเสียงกลองเชียร์ที่ดังก้องอินดอร์สเตเดียมในปี 2011 ความทรงจำเหล่านี้ยังคงเต้นอยู่ในหัวใจของทุกคนที่เคยสวมเสื้อทีมชาติไทย
ยุค 80s | ธีรัช โพธิ์พานิช
เด็กชายวัย 13 ที่ไม่รู้จักคำว่ากลัว
ถ้าจะพูดถึงตำนานยิมนาสติกไทย ชื่อของ เอ็กซ์-ธีรัช โพธิ์พานิช ต้องถูกพูดถึงเป็นลำดับต้นๆ อดีตนักยิมนาสติกทีมชาติไทยผู้กวาดไป 22 เหรียญทองจากซีเกมส์ 5 ครั้ง และเป็นหนึ่งในนักกีฬาที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ไทย เมื่อได้ติดทีมชาติในวัยเพียง 13 ปี
“ผมเริ่มเล่นยิมนาสติกตอนอายุ 8 ขวบ เพราะพ่อทำงานในกรมกีฬา ความฝันตอนนั้นง่ายมาก แค่ ‘อยากขึ้นเครื่องบิน’ เพราะคิดว่าถ้าได้ติดทีมชาติ เราจะได้บินไปต่างประเทศ”
ในยุคนั้น ค่ายเก็บตัวนักกีฬายังไม่มีความสะดวกสบาย ทุกชนิดกีฬาพักอยู่ตึกเดียวกัน กินข้าวห้องเดียวกัน
‘เอ็กซ์’ ในฐานะน้องเล็กของทีมจึงทำได้เพียงทำตามคำสั่ง ไม่คิด ไม่คาดหวัง
“โค้ชให้ซ้อมอะไรก็ทำไป วันแข่งก็แค่ทำเหมือนตอนซ้อม พอได้ 2 เหรียญทองตอนอายุ 13 ก็ไม่รู้จะพูดยังไงเลยครับ”
จากซีเกมส์ครั้งแรกในมะนิลา เขาได้ฉายา ‘ยิมอัจฉริยะ’ และในซีเกมส์ครั้งที่ 13 ที่เชียงใหม่ เขาก็ยิ่งตอกย้ำชื่อของตัวเองด้วย 6 เหรียญทองในคนเดียว
แม้ต้องเลิกเล่นในวัย 25 เพราะอาการบาดเจ็บหัวไหล่ แต่เขายังจดจำเส้นทางชีวิตนั้นเสมอ
“ผมสักรูปตอนคล้อง 6 เหรียญทองไว้ที่แขน เพราะอยากให้คนที่มารดน้ำศพผมเห็น และรู้ว่า ผมเคยทำสิ่งนี้เพื่อชาติ”
ยุค 90s | เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง
ซีเกมส์ที่เปลี่ยนชีวิตของ “ซิโก้”
ในยุคที่ฟุตบอลคือศาสนา และทีมชาติไทยคือความหวังทั้งประเทศ เด็กหนุ่มจากขอนแก่นในวัย 20 ปีอย่าง ‘ซิโก้’ ได้รับโอกาสลงสนามในซีเกมส์ครั้งแรก ปี 1993 ที่สิงคโปร์
“ตอนนั้นผมเป็นตัวสำรอง พอเหลือเวลา 15 นาที โค้ชเรียกให้ลงสนาม ตอนนั้นยังไม่ทันตั้งตัวเลยครับ แค่คิดว่าต้องทำให้ดีที่สุด”
เกมนั้น ไทยเสมอพม่า 3-3 ก่อน ‘ซิโก้’ จะโหม่งประตูชัยในช่วงท้าย พาทีมชาติไทยคว้าแชมป์ และสร้างเอกลักษณ์ใหม่ของวงการฟุตบอลไทย จากท่าดีใจตีลังกาที่กลายเป็นสัญลักษณ์ของ ‘ศูนย์หน้าจอมตีลังกา’
นอกจากนี้ ซิโก้ ยังได้มีโอกาสได้เข้าเฝ้า สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง หลังจบการแข่งขัน ซีเกมส์ ครั้งแรก
“วันนั้น ผมนั่งก้มหน้าแทบตลอดเวลา ไม่กล้ามองพระพักตร์ ไม่กล้าสบพระเนตร ด้วยพระสุรเสียงที่ทรงตรัสว่า “เก่งมากนะ” เป็นพลังให้ชีวิตนักฟุตบอลจากบ้านนอกคนนี้ … 32 ปีจากวันนั้น ถึงวันนี้ และ ตลอดไป”
ยุค 2010s | นุศรา ต้อมคำ
จากสาวน้อยราชบุรี สู่นักเซตมือทองระดับโลก
ในยุคที่วอลเลย์บอลหญิงกลายเป็นความภูมิใจของชาติ ชื่อของ นุศรา ต้อมคำ คือแรงบันดาลใจของเด็กผู้หญิงทั้งประเทศ
เธอเริ่มเล่นวอลเลย์บอลตามพี่สาวตั้งแต่อายุ 10 ปี และติดทีมชาติครั้งแรกตอน ม.5 ก่อนลงแข่งซีเกมส์ในปี 2004
“ตั้งแต่ติดทีมชาติ เราแทบไม่มีวันพักเลยค่ะ วันหนึ่งซ้อมรับบอลมากกว่า 1,000 ครั้ง เพราะคิดเสมอว่า ถ้ามีพรสวรรค์แต่ไม่ฝึกฝน มันก็ไม่มีค่าอะไร”
สำหรับ นุศรา ซีเกมส์คือบันไดก้าวแรกที่พาเธอขึ้นสู่ระดับโลก
“ทุกคนในทีมชาติซ้อมหนักเท่ากันหมดค่ะ ความสำเร็จไม่มีทางลัด มีแต่ความพยายามและความตั้งใจ” เธอปิดท้ายด้วยประโยคเรียบง่ายแต่ทรงพลัง
ทั้งหมดนี้คือเรื่องราวจากหัวใจของ 3 ตำนานนักกีฬาไทย ธีรัช โพธิ์พานิช, เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง และนุศรา ต้อมคำ ที่ต่างผ่าน ‘ซีเกมส์ครั้งแรก’ ในช่วงเวลาของตัวเอง และยังคงจดจำได้ไม่ลืม
ซีเกมส์ ครั้งที่ 33 ซึ่งประเทศไทยรับหน้าที่เจ้าภาพ จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 9-20 ธันวาคม 2025 คืออีกหนึ่งบทสำคัญของวงการกีฬาไทย ที่เราหวังจะได้เห็น “นักกีฬาหน้าใหม่” ลุกขึ้นสร้างปรากฏการณ์ของตัวเองบนเวทีนี้
เรื่องราวที่วันหนึ่ง… อาจถูกเล่าต่อด้วยความภาคภูมิใจ เหมือนที่ 3 รุ่นพี่ได้ฝากไว้ในประวัติศาสตร์
