ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน หนึ่งองค์ประกอบสำคัญที่การประกวดนางงามจะต้องมีนั่นก็คือ ‘พี่เลี้ยง’ ผู้คอยทำหน้าที่สนับสนุน ฝึกฝน รวมถึงจัดหาเสื้อผ้าหน้าผม เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้หญิงคนหนึ่งสามารถขึ้นประกวดบนเวทีได้อย่างสง่างามและภาคภูมิ
ล่าสุดกับการออกมาแถลงผ่านสื่อโซเชียลของ อั้ม-จรีลักษณ์ จันทร์สุวรรณ กรรมการผู้จัดการบริษัท สตาร์ดอม เอเชีย จำกัด ให้กับกองประกวด Miss Universe Thailand 2020 ถึงกรณีการเป็นพี่เลี้ยงนางงามของพนักงานในบริษัท ที่ได้เข้าร่วมประชุมวางแผนงานกับกองประกวดทุกครั้ง และเซ็นสัญญาเก็บความลับของกองประกวด โดยทั้งพี่เลี้ยงนางงามและตัวสาวงามผู้เข้าประกวดก็มิได้แจ้งให้กองประกวดได้รับทราบ
ซึ่งหลังจากมีข่าวนี้ออกมา เหล่าบรรดาแฟนคลับนางงามต่างสืบหาว่าพนักงานคนนั้นเป็นใคร และสาวงามที่ได้รับการดูแลนั้นคือใคร ซึ่งฝั่งกองประกวด Miss Universe Thailand โดย ปุ้ย-ปิยาภรณ์ แสนโกศิก และ ณะ-ณรงค์ เลิศกิตศิริ National Director ประจำประเทศไทย ได้ออกมาแถลงผ่าน Facebook Live ของ Miss Universe Thailand โดยมี อั้ม-จรีลักษณ์ จันทร์สุวรรณ เข้าร่วมด้วย เมื่อวันเสาร์ที่ 26 กันยายนที่ผ่านมา โดยระบุว่าพี่เลี้ยงคนนั้นได้เข้ามาคุกเข่าสารภาพและขอโทษกับสิ่งที่เกิดขึ้น ซึ่งทาง Stardom บริษัทต้นสังกัดได้มีการพูดคุยเป็นการภายในกับพี่เลี้ยงคนนี้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ด้านกองประกวดมองว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง ถือเป็นการละเมิดสิทธิ์ของสาวงามผู้เข้าประกวดอีก 29 คน โดยได้ให้นางงามที่อยู่ในสังกัดพี่เลี้ยงคนนี้ได้เข้ามาสละสิทธิ์ในการประกวดครั้งนี้ แต่ยังให้โอกาสในการประกวดปีอื่นๆ ซึ่งทางกองยังสงวนสิทธิ์ที่จะกล่าวชื่อพี่เลี้ยงและสาวงามผู้เข้าประกวดคนนี้ เนื่องจากยังเห็นถึงโอกาสต่างๆ ที่ทั้งสองคนนี้จะได้รับในอนาคต และงดตั้งโต๊ะแถลงข่าวในเรื่องนี้ แต่จะแถลงข่าวเมื่อประเทศไทยได้มงกุฎ Miss Universe ครั้งที่ 3 แล้วเท่านั้น
และวันนี้ได้มีหมายข่าวส่งถึงสื่อมวลชน โดยเป็นการเปิดใจครั้งแรกของ เฌอเอม-ชญาธนุส ศรทัตต์ และ เคน-สิทธิชัย เร็ววิโรจน์ ในวันพรุ่งนี้ (29 กันยายน) เวลา 14.00 น. โดยมีคาดการณ์ว่าจะเกี่ยวเนื่องกับประเด็นข่าวที่เกิดขึ้นข้างต้น ซึ่งต้องติดตามกันต่อไปว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไร แต่เหนือสิ่งอื่นใดแล้ว ผู้ติดตามควรมีวิจารณญาณในการอ่านข่าวที่เกิดขึ้นและฟังความให้ครบทั้งสองด้าน ก่อนจะตัดสิน (ใจ) ว่าใครผิดหรือถูก
สำหรับประเด็นที่เกิดขึ้น ทำให้เราเห็นถึงความสำคัญของ ‘พี่เลี้ยงนางงาม’ เป็นอย่างมาก ในฐานะองค์ประกอบสำคัญที่ช่วยดูแล วางกลยุทธ์ทำให้ ‘ผู้หญิง’ คนหนึ่งกลายเป็นนางงามและ ‘บุคคลในสปอตไลต์’ ได้ในแต่ละเวที
โดยสมัยก่อนบรรดาพี่เลี้ยงจากค่ายต่างๆ จะทำการเฟ้นหาสาวงามจากทั่วทุกพื้นที่ในประเทศไทย เพื่อนำมาอยู่ในสังกัดหรือบ้านของตน หลังจากนั้นจะทำการฝึกฝน ไม่ว่าจะเป็นการเดิน การยิ้ม บุคลิกภาพ รวมถึงการตอบคำถาม ทั้งยังส่งเสริมการศึกษาเพื่อสร้างประวัติที่ดีให้กับตัวสาวงามเอง
นอกจากนี้ยังพาเดินสายประกวดในเวทีระดับจังหวัด เพื่อให้มีชื่อเสียงติดตลาดเป็นที่จดจำ เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสมแล้ว ก็จะส่งสาวงามเข้าสู่การประกวดเวทีระดับประเทศต่อไป
แต่ในปัจจุบันสาวงามบางคนได้ฝึกฝนทักษะต่างๆ จนสามารถส่งตัวเองเข้าประกวดได้ บางคนเลือกเดินเข้าไปหาพี่เลี้ยงเพื่อขอให้ส่งตนเองเข้าประกวดเนื่องจากมั่นใจในศักยภาพของตนเอง แต่ขาดทีมสนับสนุน และหลายคนก็มีทีมพี่เลี้ยงอยู่แล้ว ซึ่งอาจจะผ่านการประกวดมาก่อนในเวทีระดับจังหวัด ก่อนจะส่งเข้าสู่สังเวียนความงามระดับประเทศ หรือเป็นทีมที่ตั้งขึ้นมาเฉพาะกิจโดยเฉพาะ
โดยกรณีนี้ พี่เลี้ยงที่ดูแลจะทำการบ้านตั้งแต่วางแผนกลยุทธ์ในการประกวด ทั้งเสื้อผ้าหน้าผม บุคลิกภาพ การตอบคำถาม ไปจนถึงภาพลักษณ์การวางตัวในกองประกวด การพบสื่อมวลชน และการใช้สื่อโซเชียลมีเดีย ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญในการเรียกกระแสนิยมและคำชื่นชมจากบรรดาแฟนคลับ เพื่อเป็นฐานสำหรับมงกุฎบนศีรษะของนางงามคนนั้นต่อไป
หมายเหตุ:
ผู้เขียนเขียนในฐานะแฟนนางงามที่ติดตามการประกวดนางงามอยู่เป็นประจำ หากมีข้อมูลที่ผิดหรือพลาดอย่างไรต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย ถ้ามีข้อมูลที่ถูกต้อง สามารถอินบ็อกซ์เข้ามาเพื่อให้ผู้เขียนตรวจสอบและทำการแก้ไขต่อไป
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า