เริ่มกลับมาเป็นที่พูดถึงบนโซเชียลมีเดียอีกครั้ง สำหรับกระแสแฮชแท็ก #BoycottMulan เพื่อร่วมแสดงจุดยืนไม่สนับสนุนภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์เรื่องใหม่จากค่ายดิสนีย์อย่าง Mulan ที่เพิ่งเริ่มต้นเข้าฉายวันนี้เป็นวันแรก (4 กันยายน) ที่มาที่ไปสืบเนื่องจากกรณีที่ หลิวอี้เฟย นักแสดงหญิงเชื้อสายจีนผู้รับเป็น มู่หลาน เคยออกมาแสดงจุดยืนสนับสนุนเจ้าหน้าที่ตำรวจฮ่องกงที่ใช้ความรุนแรงต่อประชาชนชาวฮ่องกง ในเหตุการณ์ประท้วงครั้งใหญ่ที่เกิดขึ้นเมื่อช่วงเดือนสิงหาคม 2562
โดย เนติวิทย์ โชติภัทร์ไพศาล นักกิจกรรมทางการเมือง ได้โพสต์รูปภาพของตนเองกำลังชูป้ายที่มีข้อความว่า #BanMulan ผ่านทางทวิตเตอร์ เมื่อวันที่ 3 กันยายนที่ผ่านมา โดยมีใจความสำคัญว่า
“พรุ่งนี้ Mulan เริ่มฉายวันแรก แต่เรายังไม่ลืมที่นักแสดง Mulan สนับสนุนการใช้ความรุนแรงของตำรวจต่อผู้ชุมนุมฮ่องกงที่ต่อสู้เพื่อเสรีภาพและประชาธิปไตย เชิญชวนทุกคน #BoycottMulan #BanMulan เพื่อให้ทางดิสนีย์และรัฐบาลจีนรู้ว่าความรุนแรงของรัฐต่อประชาชนเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้”
พรุ่งนี้ Mulan เริ่มฉายวันแรก แต่เรายังไม่ลืมที่นักแสดงมู่หลานสนับสนุนการใช้ความรุนแรงของตำรวจต่อผู้ชุมนุมฮ่องกงที่ต่อสู้เพื่อเสรีภาพและประชาธิปไตย
เชิญชวนทุกคน #BoycottMulan #BanMulan เพื่อให้ทางดีสนีย์และรัฐบาลจีนรู้ว่าความรุนแรงของรัฐต่อประชาชนเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้ pic.twitter.com/g7bkIoTo9r— Netiwit Chotiphatphaisal (@NetiwitC) September 3, 2020
ไม่นานจากนั้นก็เริ่มมีผู้ใช้ทวิตเตอร์ร่วมกันติดแฮชแท็ก #BoycottMulan และ #BanMulan พร้อมโพสต์ภาพเหตุการณ์ที่กลุ่มผู้ชุมนุมชาวฮ่องกงถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บ เพื่อออกมาร่วมแสดงจุดยืนไม่สนับสนุนภาพยนตร์เรื่อง Mulan กันเป็นจำนวนมาก
แฮชแท็ก #BoycottMulan กลายเป็นกระแสบนโซเชียลมีเดียครั้งแรกเมื่อช่วงเดือนสิงหาคม 2562 เมื่อ หลิวอี้เฟย ได้โพสต์ข้อความผ่านเว็บไซต์ของจีนอย่าง Weibo ว่า “ฉันสนับสนุนเจ้าหน้าที่ตำรวจฮ่องกง พวกคุณสามารถตีฉันได้เลย” จนทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในการออกมาแสดงจุดยืนของเธออย่างหนักบนโซเชียลมีเดียผ่านแฮชแท็ก #BoycottMulan
สำหรับภาพยนตร์เรื่อง Mulan ถือเป็นอีกหนึ่งภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ที่ถูกเลื่อนกำหนดฉายมาแล้วถึง 4 ครั้ง จากกำหนดการเข้าฉายเดิมในวันที่ 27 มีนาคม เนื่องจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทำให้โรงภาพยนตร์หลายแห่งต้องปิดตัวลงชั่วคราว
ก่อนที่ค่ายดิสนีย์จะตัดสินใจนำ Mulan เข้าฉายผ่านแพลตฟอร์มของตัวเองอย่าง Disney+ ในรูปแบบ Video on Demand ด้วยราคา 29.99 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 940 บาท ซึ่งมีกำหนดเข้าฉายพร้อมกันทั่วโลกในวันที่ 4 กันยายน โดยประเทศที่ Disney+ ยังไม่เปิดให้บริการอย่างเป็นทางการจะสามารถรับชม Mulan ได้ในโรงภาพยนตร์ตามปกติ สำหรับประเทศไทยมีกำหนดเข้าฉายในวันที่ 4 กันยายนเช่นกัน
ขณะเดียวกันสิ่งที่ต้องจับตาหลังจากนี้คือ ที่สุดแล้วผลจากการรณรงค์เพื่อแสดงจุดยืนทางการเมืองผ่านแฮชแท็ก #BoycottMulan นั้นจะส่งผลต่อรายได้ของหนังในระดับไหน หรือจะมีปัจจัยอะไรอื่นๆ ตามออกมาอีกบ้างทั้งในไทยและต่างประเทศในระดับนานาชาติ โดยเฉพาะในประเทศฮ่องกง ซึ่งเคยเป็นประเด็นต้นเพลิงมาก่อนหน้านี้
พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล
อ้างอิง:
- https://twitter.com/NetiwitC/status/1301506317639540737
- https://twitter.com/hashtag/BoycottMulan?src=hashtag_click
- https://www.theguardian.com/world/2019/aug/16/disneys-mulan-star-sparks-call-for-boycott-with-hong-kong-stance
- https://variety.com/2020/film/box-office/mulan-release-date-delayed-disney-1234699183/
- https://thestandard.co/mulan-will-not-be-on-united-states-theatre-but-will-be-on-disney/