×

‘เมืองไทยประกันชีวิต’ จับมือ ZA Tech ผู้นำด้าน Insurtech จากจีน รุกตลาดประกันดิจิทัลในไทย

05.10.2021
  • LOADING...
Sara Lamsam

สาระ ล่ำซำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต (MTL) เปิดเผยว่า MTL ได้จับมือเป็นพันธมิตรกับ ZA Tech บริษัทร่วมทุนด้านเทคโนโลยีประกัน (Insurtech) ชั้นนำจากจีน ซึ่งก่อตั้งโดย ZA International และได้รับการสนับสนุนจาก Softbank’s Vision Fund 1 ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการด้านดิจิทัลให้กับลูกค้าในประเทศไทย 

 

โดยผลิตภัณฑ์ตัวแรกที่ถูกพัฒนาออกจำหน่ายคือ ‘ประกันวัคซีนโควิดอุ่นใจ’ ที่ให้ความคุ้มครองผลข้างเคียงและอาการแพ้หลังฉีดวัคซีนโควิด เนื่องจากบริษัทเข้าใจถึงความกังวลของลูกค้าที่อยากจะสบายใจเมื่อได้รับวัคซีน ดังนั้นเมืองไทยประกันชีวิต และ ZA Tech จึงร่วมกันออกแบบขั้นตอนการขายประกันวัคซีนโควิด ที่ช่วยให้ลูกค้าเข้าถึงการซื้อได้ง่าย และออกแบบผลิตภัณฑ์ที่ให้ความยืดหยุ่นกับลูกค้าในการเลือกความคุ้มครองจากผลข้างเคียงของวัคซีนได้ด้วยตนเอง

 

สาระระบุว่า ผลิตภัณฑ์ตัวนี้ถูกออกแบบมาให้เหมาะกับงบประมาณของลูกค้าที่อาจมีความแตกต่างกันในด้านกำลังซื้อ เพราะคำว่า ยืดหยุ่น หมายรวมถึงความยืดหยุ่นในด้านความคุ้มครองในราคาที่จ่ายได้ และเป็นราคาที่ลูกค้าทุกกลุ่มในตลาดเข้าถึงได้ด้วย ทั้งนี้ ระยะต่อไป MTL ยังมีแผนจะร่วมมือกับ ZA Tech เปิดตัวผลิตภัณฑ์ประกันประเภทอื่นๆ เพื่อทำตลาดผ่านช่องทางดิจิทัลเพิ่มเติมอีก

 

“นวัตกรรมและการคิดที่มุ่งไปข้างหน้าถือเป็นดีเอ็นเอของเมืองไทยประกันชีวิตมาเสมอ โดยตลอดระยะเวลา 70 ปี บริษัทฯ ไม่หยุดยั้งที่จะเป็นผู้เล่นแถวหน้าในการพัฒนาผลิตภัณฑ์และการบริการให้แก่ลูกค้า ซึ่งในช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมา บริษัทฯ มีการพัฒนาด้านดิจิทัลมาอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการก่อตั้ง Fuchsia Innovation Centre การออกแอปพลิเคชัน MTL Click, MTL Mini Click, MTL Fit รวมถึงบริการอื่นๆ อีกมากมาย และล่าสุด เมืองไทยประกันชีวิตได้ตัดสินใจที่จะก้าวต่อไปบนเส้นทางดิจิทัลร่วมกับ ZA Tech หนึ่งในบริษัท Insurtech ที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในทวีปเอเชีย” สาระกล่าว

 

สาระกล่าวด้วยว่า ความร่วมมือกันในครั้งนี้ถือเป็นการผสานความแข็งแกร่งครั้งสำคัญ ด้วยเมืองไทยประกันชีวิตที่มีความแข็งแกร่งในด้านนวัตกรรมและพัฒนาผลิตภัณฑ์ ประกอบกับความสามารถของ ZA Tech ที่แข็งแกร่งในด้านเทคโนโลยีประกัน (Insurtech) นั้นจะทำให้การสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ สามารถดำเนินการไปอย่างราบรื่นไร้รอยต่อ และสร้างประสบการณ์ที่ตอบโจทย์ความต้องการที่เฉพาะเจาะจง (Personalized) ให้กับลูกค้าและพันธมิตรต่างๆ ใน Ecosystem ได้อย่างครอบคลุม

 

“ทั้งสององค์กรเห็นตรงกันถึงความสำคัญของการทำให้ผลิตภัณฑ์ประกันเป็นเรื่องง่าย ไม่ซับซ้อน โดยเฉพาะในด้านความคุ้มครองสุขภาพสำหรับลูกค้าคนไทย การพัฒนาด้านดิจิทัลเราไม่ได้มองแค่ตลาดขายตรงเท่านั้น แต่ดิจิทัลเป็นเครื่องมือที่จะทำให้เราพัฒนาการทำงานร่วมกันระหว่างกลุ่มคนต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นระหว่างตัวแทนและลูกค้า หรือฝ่ายให้บริการ ให้เกิดประสิทธิภาพและความรวดเร็วในการเข้าถึงมากยิ่งขึ้น” สาระกล่าว

 

ด้าน บิล ซง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ZA Tech กล่าวว่า วิกฤตโรคระบาดได้เปลี่ยนพฤติกรรมของผู้คน กระตุ้นให้ลูกค้ามีความต้องการผลิตภัณฑ์ประกันที่ซื้อได้ทางออนไลน์ และเป็นผลิตภัณฑ์ที่ให้โอกาสลูกค้าเลือกแพ็กเกจที่ตรงกับความต้องการเฉพาะของแต่ละคนได้เอง และซื้อได้แบบเรียลไทม์อีกด้วย ด้วยความตั้งใจของ ZA Tech ที่จะเป็นพันธมิตรด้านเทคโนโลยีให้กับบริษัทประกันและบริษัทอินเทอร์เน็ต ในการที่จะนำเสนอนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ประกันภัยที่มีความหลากหลายกว้างขึ้นให้กับลูกค้าคนไทย บริษัทคาดหวังจะเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีและประสบการณ์ในการทำตลาดที่สั่งสมมาให้ออกมาเป็นประสบการณ์การซื้อผลิตภัณฑ์ประกันที่ดียิ่งขึ้นไปสำหรับคนไทย

 

“ด้วยเทคโนโลยี SaaS-based solution – Nano ของ ZA Tech จะช่วยทำให้วงจรการออกผลิตภัณฑ์ประกันที่เป็นนวัตกรรมใหม่ๆ นั้นสั้นลง ง่ายขึ้น ทำให้เมืองไทยประกันชีวิตสามารถที่จะนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่ไม่หยุดนิ่งได้อย่างรวดเร็ว” บิลกล่าว

 

บิลกล่าวอีกว่า ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้นั้น ประกันดิจิทัล (Digital Insurance) ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นของการพัฒนา และยังมีโอกาสอีกมากมายในภูมิภาคนี้ที่ยังไม่มีผู้เล่นเข้าไปปลดล็อกให้ประกันเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตลูกค้าได้อย่างแท้จริง ดังนั้นการรวมพลังของสองผู้เล่นรายใหญ่ในครั้งนี้ จะทำให้เกิดอนาคตอันน่าตื่นเต้นของวงการประกันในประเทศไทย

 

สุธี โมกขะเวส กรรมการผู้จัดการ บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต กล่าวว่า ปัจจุบันตลาดประกันดิจิทัลที่เป็น Pure Digital ในประเทศไทยยังมีขนาดเล็กอยู่ โดยมีมูลค่าต่ำกว่า 1 พันล้านบาทต่อปี อย่างไรก็ดี ด้วยกระแสการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีที่เกิดขึ้น ทำให้คาดว่าตลาดประกันดิจิทัลยังมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก โดยเฉพาะในกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่มีความซับซ้อนน้อยและเบี้ยประกันไม่สูง หรือ Bite-Sized Products

 

“แม้ว่ายอดขายหลักของ MTL จะยังมาจากช่องทางดั้งเดิม เช่น ตัวแทน แต่ในอนาคต ช่องทางดิจิทัลจะค่อยๆ เติบโตขึ้นตามการเปิดรับเทคโนโลยี หรือ Tech Adoption ของผู้บริโภค ความร่วมมือกับ ZA Tech ในครั้งนี้จึงเปรียบเสมือนการวางรากฐานที่สำคัญของเราสำหรับอนาคต” สุธีกล่าว

 


 

ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH


Twitter: twitter.com/standard_wealth
Instagram: instagram.com/thestandardwealth
Official Line: https://lin.ee/xfPbXUP

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising
X