วานนี้ (3 กันยายน) สรรเพชญ บุญญามณี สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) จังหวัดสงขลา, สมยศ พลายด้วง สส. จังหวัดสงขลา และราชิต สุดพุ่ม สส. จังหวัดนครศรีธรรมราช ออกถ้อยแถลงชี้แจงสื่อมวลชน ในการสนับสนุนการจัดตั้งรัฐบาลของ อนุทิน ชาญวีรกูล เป็นนายกรัฐมนตรี ว่า
ตามที่ปรากฏว่าพวกตนได้สนับสนุนข้อตกลงร่วมระหว่างพรรคประชาชนกับพรรคภูมิใจไทย ในการเสนอชื่อบุคคลไปดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เพื่อทำหน้าที่บริหารราชการแผ่นดินในช่วงเปลี่ยนผ่าน
แก้ไขปัญหาเร่งด่วนเฉพาะหน้า จัดทำประชามติร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ และยุบสภาผู้แทนราษฎรนั้น ขอชี้แจงเหตุผลและเจตนารมณ์ใน 4 ประเด็นสำคัญ ดังนี้
ประการแรก พวกตนทั้ง 3 คนเห็นว่า ปัญหาความไม่ชอบธรรมของรัฐบาลภายใต้การนำของพรรคเพื่อไทย ปรากฏชัดเจนที่สุดในกรณีของ แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีคนล่าสุด ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญได้วินิจฉัยว่ามีการกระทำอันเป็นการฝ่าฝืนมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง โดยเฉพาะกรณีคลิปเสียง ที่เผยแพร่ต่อสาธารณะ จนบั่นทอนความเชื่อมั่นของสังคมอย่างกว้างขวาง
กรณีดังกล่าวไม่เพียงชี้ให้เห็นถึงการขาดคุณสมบัติและความซื่อสัตย์สุจริตที่ผู้นำควรมี หากยังทำให้รัฐบาลสูญเสียความชอบธรรมในการบริหารประเทศ และทำลายศักดิ์ศรีของประเทศโดยรวม
นอกจากนี้ การบริหารประเทศภายใต้พรรคเพื่อไทยยังไม่สามารถตอบสนองต่อความท้าทายทางเศรษฐกิจและสังคมได้อย่างเป็นรูปธรรม ขาดความมุ่งมั่นจริงใจในการแก้ไขปัญหาเชิงโครงสร้างที่ประชาชนเผชิญอยู่ในชีวิตประจำวัน
ประการที่สอง การที่พวกตนลงนามสนับสนุนให้ อนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เป็นนายกรัฐมนตรีนั้น เป็นการตัดสินใจในฐานะ สส. พร้อมกันทั้ง 3 คน
นอกจากนี้ ที่สำคัญคือพรรคภูมิใจไทยก็เคยร่วมสนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์ ในการจัดตั้งรัฐบาล ในช่วงปี 2551-2554 จนสามารถสร้างเสถียรภาพได้อย่างเป็นรูปธรรม ตรงกันข้ามพรรคเพื่อไทยในห้วงเวลานั้นกลับเลือกที่จะล้มรัฐบาลและผลักประเทศเข้าสู่วิกฤติการณ์ทางการเมืองครั้งใหญ่
ประการที่สาม พวกตนเห็นด้วยกับ 5 เงื่อนไขร่วมที่ทั้งสองพรรควางไว้ เพื่อผ่าทางตันประเทศ ทั้งการยุบสภาเพื่อคืนอำนาจให้ประชาชนโดยเร็วที่สุด การจัดทำประชามติร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่เพื่อให้ได้รัฐธรรมนูญที่สอดคล้องกับความต้องการของประชาชนมากที่สุด และการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าที่กระทบชีวิตประชาชน ทั้งปัญหาเศรษฐกิจปากท้อง และปัญหาสถานการณ์มั่นคงชายแดน
ประการสุดท้าย การสนับสนุนของตนในครั้งนี้ มิได้มีเจตนาเพื่อแลกเปลี่ยนตำแหน่งทางการเมืองในรัฐบาลที่จะเกิดขึ้น หากแต่เป็นการใช้เอกสิทธิ์ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 114 ที่บัญญัติไว้ว่า ‘สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรย่อมเป็นผู้แทนปวงชนชาวไทย ไม่อยู่ในความผูกมัดแห่งอาณัติมอบหมาย หรือความครอบงำใด ๆ..’
เพื่อยืนยันว่าเสียงของพวกตน คือเสียงที่ประชาชนมอบให้ จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบด้วยความเคารพ