วันนี้ (7 กันยายน) ที่รัฐสภา ในการประชุมร่วมกันของรัฐสภา เพื่อพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญเพิ่มเติม จำนวน 4 ฉบับ ต่อเป็นวันที่ 2 ตามที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) พรรคร่วมฝ่ายค้าน และประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งจำนวน 64,151 คน เป็นผู้เสนอ
ธีรัจชัย พันธุมาศ ส.ส. แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 272 ซึ่งเป็นการตัดอำนาจสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ร่วมเลือกนายกรัฐมนตรี ว่าตนได้ร่วมลงนามด้วยในฐานะประชาชน การที่ ส.ว. มีสิทธิเลือกนายกรัฐมนตรีเป็นเรื่องที่สำคัญสะท้อนว่าประเทศเป็นประชาธิปไตยจริงหรือไม่ เพราะประชาธิปไตยจริงเป็นอำนาจของประชาชน ไม่ใช่มีอำนาจจากรัฐประหาร ตั้งคนของตัวเอง 250 คนมาช่วยกันเบี่ยงเบนอำนาจของประชาชน ข้ออ้างหลายครั้งที่ได้ฟังคือตอนนี้ยังไม่สงบ ดังนั้นจะต้องเข้ามา ถามว่า 250 คนมีส่วนอะไรมารักษาความสงบ และบอกว่ามาจากเสียงประชามตินั้น ถามว่าจริงหรือจอมปลอม
ส่วนที่บอกว่าช่วงนี้เป็นช่วงเปลี่ยนผ่าน ส.ว. ไม่มีสิทธิเสนอชื่อนายกรัฐมนตรี เป็นเพียงแต่ผู้โหวตนั้น ตนถือว่าตัวโหวตถือเป็นตัวสำคัญในการเปลี่ยนแปลงทิศทาง เพราะมีเสียงถึง 250 เสียง ถ้าตัดเสียงเหล่านี้ออก ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ จะได้เป็นนายกรัฐมนตรี ถ้าสมมติว่าพรรคเพื่อไทย (พท.) ที่ได้เสียงข้างมากในสภา ถ้าใช้ตัวแทนของตัวเอง คือ ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี แข่งกับ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา แล้วตัดเสียง ส.ว. ออก ถามว่าถ้าชัชชาติเป็นนายกรัฐมนตรี กับ พล.อ. ประยุทธ์เป็นนายกรัฐมนตรี อันไหนประเทศจะเจริญกว่ากัน
ธีรัจชัยกล่าวต่อไปว่า นี่คือความเบี่ยงเบนในการออกกติกาที่เอื้อต่ออำนาจเผด็จการและเป็นตัวขับเคลื่อนการเมืองที่สำคัญ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นเจ้าหนี้สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) จากนั้น สนช. ตั้ง ส.ว. แล้ว ส.ว. มาเลือกนายกรัฐมนตรี ทำให้บุญคุณต้องทดแทน อีกทั้ง ส.ว. ยังตั้งคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) แล้ว ส.ว. เลือกศาลรัฐธรรมนูญ ไม่ต้องสงสัยว่านายกรัฐมนตรี 8 ปีผลจะออกมาอย่างไร และ คสช. ยังตั้งคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) การจัดการเลือกตั้งบริสุทธิ์ยุติธรรมได้จริงหรือไม่ ถ้า ส.ส. ทำกันเอง เลือกกันเอง ส.ว. ต้องโหวตตามนั้น ไม่จริง เพราะถ้าไม่แทรกแซงตามกระบวนกลไกแบบนี้ประชาธิปไตยเดินหน้าได้ คนที่ประชาชนตั้งใจให้เป็นนายกรัฐมนตรีก็เป็นได้ ไม่บิดพลิ้วแบบนี้
ธีรัจชัยกล่าวทิ้งท้ายว่า ที่มี ส.ว. บางคนพูดว่า ตอนนี้ครบวาระที่เป็นหนี้ เราได้ชำระแล้ว สมควรปล่อย หากเป็นแบบนั้นตนก็ยินดีด้วย แต่ได้ข่าวว่าจะคว่ำทุกฉบับเพื่อสนองการสืบทอดอำนาจ คสช. ก็คงจริง และ ส.ว. มีไว้เพื่อขัดขวางการแก้ไขรัฐธรรมนูญก็น่าจะจริง ที่ผ่านมามีการเสนอแก้รัฐธรรมนูญหลายครั้งถึง 21 ฉบับ ปรากฏว่าถูกคว่ำ 20 ฉบับ และประกาศใช้ 1 ฉบับ
“หมายความว่าการแก้ไขการตัดอำนาจ ส.ว. ในการเลือกนายกรัฐมนตรีจะถูกขัดขวางโดย ส.ว. ที่เป็นหนี้บุญคุณ คสช. แล้วจะมาวิงวอนพวกผมได้อย่างไร มีศักดิ์ศรีพอหรือ เพราะขัดขวางการพัฒนาประเทศ อ้างสืบทอดอำนาจเพราะประชาชนไม่พร้อม ถามว่ามโนเพื่อต้องการให้ตัวเองอยู่ในอำนาจต่อใช่หรือไม่ ถ้าจะแสดงความจริงใจครั้งนี้ ขอให้โหวตผ่านทั้ง 4 ร่าง และผลักดันให้แล้วเสร็จได้หรือไม่ เพื่อแสดงให้เห็นว่าท่านไม่ได้เป็นหนี้ คสช. หนี้ 3 ป. และต้องตอบแทน” ธีรัจชัยกล่าว