วานนี้ (1 เมษายน) พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ขึ้นปราศรัยปิดเวทีปราศรัยใหญ่ และแนะนำว่าที่ผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) พิษณุโลก พรรคก้าวไกล ที่สวนชมน่าน จังหวัดพิษณุโลก
โดยพิธาเริ่มต้นด้วยการกล่าวว่า ตนและ ส.ส. สพ.ปดิพัทธ์ สันติภาดา มีสิ่งหนึ่งที่เหมือนกัน คือความเป็นพ่อคน พวกเราทำงานการเมืองเพราะเราไม่สามารถส่งต่อสังคมแบบนี้ให้กับลูกของเรา ตนและพรรคก้าวไกลมีความตั้งใจที่จะเปลี่ยนประเทศนี้ให้มีความเท่าเทียมกัน มีความเปิดกว้างหลากหลายให้กับคนทุกคนอย่างเสมอภาค และเอาระบบอำนาจนิยมออกไป
พิธากล่าวต่อไปอีกว่า การเมืองที่ตนอยากเห็นในฐานะคนเป็นพ่อ คือประเทศที่มีการศึกษาที่เท่าเทียมกัน เด็กที่มาจากครอบครัวร่ำรวยสามารถพูดได้ 3 ภาษา การศึกษาในประเทศนี้ก็ต้องมีศักยภาพทำให้เด็กทุกคนพูดได้ 3 ภาษา ตนต้องการที่จะสร้างสังคมที่เท่าเทียม หลากหลาย ปราศจากอำนาจนิยมและปิตาธิปไตยให้กับคนรุ่นต่อไป
“อีก 10 ปี อาจเป็นลูกของผมหรือลูกของท่านที่ไปเรียกร้องเพื่อความเท่าเทียม ทำไมเรื่องเหล่านี้ต้องให้คนหนุ่มสาวออกมาพูด ไม่ใช่ผู้แทนราษฎรที่มีกระดูกสันหลังในสภาที่พูด ทำให้คนหนุ่มสาวออกไปตามหาความฝันของเขาไม่ได้ ชีวิตลูกของผม ลูกของหมออ๋อง และลูกของเราทุกคนจะดีขึ้น เมื่อพวกเราอยู่ในสังคมที่เท่าเทียมกัน” พิธากล่าว
พิธายังเสนอว่าสังคมที่เท่าเทียมกันต้องมีโอกาสที่เท่าเทียมกันระหว่างคนที่มีความพิการและคนอื่นๆ ในสังคม โดยพรรคก้าวไกล หนึ่ง จะเพิ่มเบี้ยผู้พิการ 3,000 บาท สอง จะผลักดันนโยบายการออกแบบเพื่อคนทุกคนให้สามารถกำหนดชีวิตประจำวันในการเดินทางให้ได้ สาม คือการสร้างงาน จากปัจจุบันที่รัฐบังคับเฉพาะบริษัทเอกชนให้จ้างงานคนพิการ แต่ในรัฐบาลพรรคก้าวไกลจะจ้างงานคนพิการเป็นข้าราชการทันที 20,000 ตำแหน่ง และสี่ สร้างอุตสาหกรรมเพื่อผู้พิการ เช่น รถเข็นของคนพิการ จากที่นำเข้ามีราคาแพง ให้สามารถผลิตได้ในประเทศ
พิธายังเสนออีกว่า ตนและพรรคก้าวไกลต้องการให้คนรุ่นต่อไปได้อากาศสะอาดไว้หายใจ นี่คือสาเหตุให้พรรคก้าวไกลผลักดันกฎหมายอากาศสะอาด ซึ่งกฎหมายอากาศสะอาดของพรรคก้าวไกลต้องไม่ใช่แค่มีผลในประเทศ แต่จะไปเจรจากับต่างประเทศให้มีมาตรฐานคุณภาพอากาศเดียวกันทั้งอาเซียน ไม่ใช่ปล่อยให้กลุ่มทุนภาคเกษตรหนีจากประเทศที่มีมาตรฐานสินค้าเกษตรสูงแล้วไปทำไร่ข้าวโพดใน สปป.ลาว และเมียนมา
สุดท้าย พิธาฝากถึงประชาชนชาวพิษณุโลกและคนไทยทั้งประเทศว่า เลือกพรรคก้าวไกล ประชาชนจะได้ประโยชน์ถึง 3 เด้ง เด้งแรก เอา พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา ออกจากอำนาจ เด้งที่สอง เอา พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ ออกจากการเมือง เด้งที่สาม ได้คนใหม่ไปเปลี่ยนประเทศไทยให้ดีขึ้น แถมได้ ส.ส. เขตแบบก้าวไกล ที่ทำงานการเมืองแบบใหม่เข้าไปทำงานในสภา
ก่อนจบ พิธาฝากถึงกรณีที่มีข่าวลือเรื่องพรรคก้าวไกลจะตัดบำนาญข้าราชการว่า ตนคือลูกของข้าราชการบำนาญ และในอดีตก็เคยเป็นข้าราชการ เข้าใจความยากลำบากของข้าราชการดี พรรคก้าวไกลไม่เคยเสนอตัดบำนาญข้าราชการ งบช้างป่วยคืองบประมาณและการเก็บภาษีของประเทศนี้ที่ไม่เปลี่ยนแปลง ไม่ว่าจะเจอโควิด เจอวิกฤตเงินเฟ้อ เจอสงครามรัสเซีย-ยูเครน ก็ยังจัดงบประมาณเหมือนเดิมทุกปี นี่คือปัญหาของประเทศ
“พรรคก้าวไกลเป็นพรรคที่เห็นความสำคัญของบำนาญ ทั้งบำนาญข้าราชการและบำนาญของประชาชน ย้ำอีกครั้ง บำนาญของท่านจะมั่นคงที่สุดภายใต้รัฐบาลพรรคก้าวไกล เพราะเราจะไปรีดเงินกองทัพเพื่อมาสร้างความมั่นคงให้งบประมาณประเทศ 14 พฤษภาคมนี้ กาทั้งทีขอให้กาอย่างมีวิสัยทัศน์ กาก้าวไกล ให้การเมืองดี ปากท้องดี มีอนาคต” พิธากล่าวทิ้งท้าย