วันนี้ (3 สิงหาคม) พริษฐ์ วัชรสินธุ ผู้จัดการการสื่อสารและการรณรงค์นโยบายพรรคก้าวไกล ในฐานะคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 สัดส่วนพรรคก้าวไกล กล่าวว่า หลังจากมีการพิจารณงบฯ ในชั้น กมธ. มากว่า 3 เดือน วันนี้ได้มีการลงมติว่าจะมีการตัดลดงบประมาณในโครงการใดบ้าง
ซึ่งในส่วน กมธ. จากพรรคก้าวไกล เราทำเต็มที่เพื่อตรวจสอบงบประมาณทุกบาททุกสตางค์ที่มาจากประชาชนให้ใช้อย่างคุ้มค่า และในการลงมติครั้งนี้ก็มีทั้งสิ่งที่เป็นความสำเร็จ 2 ประเด็น เป็นชัยชนะเล็กๆ ที่สามารถตัดลดงบฯ ได้ และอีก 2 ประเด็นที่ยังไม่สำเร็จ โดยเราเป็น กมธ. เสียงข้างน้อย แต่อย่างไรก็ตามก็อยากให้ประชาชนจับตามองอย่างใกล้ชิด เพราะยังมีวาระ 2 และวาระ 3 ที่จะพิจารณาในช่วงกลางเดือนสิงหาคมนี้
พริษฐ์กล่าวอีกว่า สำหรับประเด็นที่ 1 ซึ่งถือเป็นความสำเร็จ คือการตัดลดงบฯ โครงการจัดหาระบบรวบรวมและประมวลผลข่าวกรองชั้นสูง มูลค่า 350 ล้านบาท โดยกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด ซึ่ง กมธ. มีมติเห็นด้วย เพราะโครงการนี้เมื่อไปดูที่มาที่ไปในเอกสาร พบว่าเป็นการจัดซื้อเครื่องมือสปายแวร์ที่ติดตามข้อมูลจากมือถือประชาชน และเมื่อไปดูสเปกแล้วพบว่าเป็นสปายแวร์คล้ายเพกาซัสที่ พิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล ได้เคยอภิปราย
ซึ่งด้วยความคลุมเครือของรัฐบาลที่ชี้แจงกลับไปกลับมาไม่รู้ว่ามีหรือไม่มี ทำให้เราไม่อาจไว้ใจได้ว่า การตั้งงบฯ เพื่อซื้อเครื่องมือนี้จะถูกใช้เฉพาะผู้ต้องสงสัยกรณียาเสพติดเพียงอย่างเดียว ไม่ติดตามสอดแนมประชาชน ทำให้ กมธ. ส่วนใหญ่มีมติเห็นชอบปรับลดงบฯ
และประเด็นที่ 2 ซึ่งสามารถตัดลดงบฯ ได้ คือในส่วนของโครงการจัดหาเทคโนโลยีสารสนเทศทดแทนระบบเดิมของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี มูลค่า 38.8 ล้านบาท ซึ่งเรื่องนี้ จิรัฏฐ์ ทองสุวรรณ์ ส.ส. พรรคก้าวไกล จังหวัดฉะเชิงเทรา เคยชี้แจงไว้ว่าเป็นการซื้อ iPad Keyboard รวมถึงอุปกรณ์เกี่ยวข้องที่สเปกสูงเกินกว่าความเหมาะสมกับภารกิจของหน่วยงาน
“อย่างไรก็ตาม สำหรับอีก 2 ประเด็นที่ยังไม่ประสบความสำเร็จในการตัดลดงบฯ แต่ก็ต้องจับตากันต่อไปคือ ประเด็น 1 กรณีที่ กมธ. มีมติย้อนมติอนุฯ กมธ. ในการอนุมัติงบจัดซื้อเครื่องบิน F-35A แม้มูลค่าจะเหลือ 369 ล้านบาท แต่ในส่วนของ กมธ.พรรคก้าวไกล เราไม่ให้ความเห็นชอบ เพราะด้วยสภาพเศรษฐกิจช่วงนี้ เห็นว่าโครงการนี้ไม่ใช่ความจำเป็นเร่งด่วน แต่เราเป็นเสียงข้างน้อย จึงไม่อาจหยุดยั้งโครงการนี้ได้ และอีกประเด็นที่ยังไม่ประสบความสำเร็จก็คือกรณีการเสนอตัดงบที่ไม่ชัดเจนของกรมการข้าว มูลค่า 15,260 ล้านบาท ซึ่ง วาโย อัศวรุ่งเรือง ส.ส. บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล เคยเสนอตัดลดงบฯ ไว้ เพราะมีข้อสงสัยในหลายส่วน แต่ กมธ. เสียงข้างมากมีมติอนุมัติโครงการนี้” พริษฐ์กล่าว
ด้านพิจารณ์ ผู้อภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีในกรณีใช้สปายแวร์สอดแนมประชาชน กล่าวว่า การจัดหาสปายแวร์ที่มีคุณลักษณะตรงตามสเปกสปายแวร์เพกาซัสที่เคยอภิปรายไปนั้น ถ้าใครได้ติดตามการอภิปรายรวมถึงการแถลงข่าว จากเอกสารเราจะเห็นว่ารายละเอียดทั้งหมดเหมือนสปายแวร์ที่นำมาใช้กับประชาชนจำนวน 35 คน ที่ชื่อเพกาซัส ซึ่งขอตั้งคำถามว่า ถ้าประชาชน 35 คน ซึ่งไม่ควรถูกสอดแนมด้วยเหตุผลความมั่นคงใดๆ ของรัฐ ถูกสอดแนมแบบนี้ รัฐบาลโดยเฉพาะฝ่ายความมั่นคงควรจะต้องตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ว่าประชาชนถูกสอดแนมโจมตีด้วยอาวุธสงครามได้อย่างไร ซึ่งขอย้ำอีกครั้งว่าสปายแวร์ตัวนี้ขายให้รัฐบาลเท่านั้น
และก่อนขายก็ต้องได้รับการอนุมัติโดยกระทรวงกลาโหมของประเทศอิสราเอล ดังนั้น ย่อมไม่ใช่ฝีมือของเอกชนแน่ๆ ถ้ารัฐบาลบริสุทธิ์ใจว่าตนเองไม่ได้ทำ ต้องมีกระบวนการตรวจสอบว่า 35 คนนี้ถูกรัฐบาลไหนโจมตี แต่ทว่าเรื่องนี้กลับมีพิรุธ ซึ่งเป็นพฤติกรรมผู้กระทำผิด เชื่อว่า พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา มีส่วนรู้เห็นและเกี่ยวข้องในการสอดแนมอย่างแน่นอน ในฐานะนายกรัฐมนตรีและผู้ดูแลด้านความมั่นคง
“พวกเราพรรคก้าวไกลยืนยันว่า งบประมาณโครงการส่วนนี้ ถ้าจะถูกนำมาพิจารณาอีก ไม่ว่าจะปีงบประมาณนี้ผ่านงบกลาง หรือปีงบประมาณต่อไป จะต้องมีกระบวนการที่ยืนยันได้ว่า สปายแวร์ตัวนี้จะไม่ถูกใช้กับประชาชน โดยการเปิดเผยข้อมูลทั้งหมด เทคนิคที่ใช้ การมีหมายศาล มีกระบวนการทางกฎหมายที่รับรองให้เจ้าหน้าที่รัฐละเมิดสิทธิประชาชนหรือไม่ ถ้าข้อมูลทั้งหมดไม่ชัดเจน เราก็ไม่ให้ผ่านงบฯ นี้ไปได้ และความต่อเนื่องจากการอภิปรายในประเด็นนี้ เราจะเสนอเรื่องผ่าน กมธ. การพัฒนาการเมือง การสื่อสารมวลชน และการมีส่วนร่วมของประชาชน เพื่อเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาชี้แจงข้อเท็จจริง เพื่อหาความยุติธรรมให้กับประชาชนต่อไป” พิจารณ์กล่าว
ขณะที่ ศิริกัญญา ตันสกุล ส.ส. บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล ในฐานะ กมธ.วิสามัญ พิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบฯ กล่าวว่า อีกโครงการที่เราตัดลบงบประมาณได้สำเร็จคือ โครงการจัดหาระบบสารสนเทศของสำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ซึ่งก็คือ iPad ตัวท็อป ซึ่งมีมูลค่าสูงถึง 7 หมื่นบาทต่อเครื่อง ที่เราพิจารณาให้ตัดงบฯ เพราะเห็นว่าสเปกที่เสนอมานั้นเกินความจำเป็นสำหรับเจ้าหน้าที่ที่ทำงานสนับสนุนคณะรัฐมนตรี เพราะหน่วยงานที่จำเป็นต้องใช้เครื่องมือสเปกสูงโดยตรงอย่างหน่วยงานที่ทำงานเกี่ยวกับการตัดต่อวิดีโอ การออกแบบ จัดซื้อมูลค่าเพียงแค่ 25,000 บาทต่อเครื่องเท่านั้น อย่างไรก็ตามแม้เม็ดเงิน 38.8 ล้านบาทที่ตัดลดนี้อาจไม่มาก แต่ทุกบาททุกสตางค์พรรคก้าวไกลเห็นว่าต้องตรวจสอบอย่างเข้มข้น เพื่อให้หน่วยงานใช้งบฯ ที่มาจากภาษีขอประชาชนอย่างคุ้มค่า