วันนี้ (23 เมษายน) พิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล ได้ออกมาคัดค้านคำสั่งนายกรัฐมนตรี ที่ 85/2564 เรื่องมอบหมายให้รัฐมนตรีรับผิดชอบแนวคิดการขับเคลื่อนไทยไปด้วยกันระดับพื้นที่จังหวัด ซึ่งมีสาระสำคัญคือ การแบ่งพื้นที่ให้รัฐมนตรีเป็นผู้ขับเคลื่อนงบประมาณโครงการพัฒนาและเสริมสร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานราก กรอบงบประมาณ 45,000 ล้านบาท
“ผมคิดว่าเป็นเรื่องน่าผิดหวังอย่างยิ่งที่ในช่วงที่กำลังเกิดวิกฤตประเทศ ครม. กลับลักหลับออกคำสั่งแบ่งเค้กประเทศในครั้งนี้ออกมา คำสั่งแต่งตั้งให้รัฐมนตรีที่ทำงานกระทรวงในระดับประเทศให้มาขับเคลื่อนการใช้งบประมาณระดับพื้นที่ ซึ่งเป็นการบริหารงานที่คิดแต่หวังผลทางการเมือง ไม่ได้คำนึงถึงประสิทธิภาพและผลประโยชน์ของประชาชนเป็นที่ตั้ง” พิจารณ์กล่าว
นอกจากนี้พิจารณ์ยังตั้งข้อสังเกตว่าการมอบหมายจังหวัดที่รัฐมนตรีรับผิดชอบนั้นไม่ได้แบ่งตามเหตุผลความจำเป็นของประชาชน แต่แบ่งตามฐานเสียงของพรรครัฐบาล
“เรื่องที่ผมเห็นว่าผิดปกติคือการแบ่งพื้นที่ขับเคลื่อนงบประมาณเป็นไปตามฐานเสียงที่รัฐมนตรีท่านนั้นๆ เป็นผู้ที่มีอิทธิพลในพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็น สมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม ได้ดูสุโขทัย, อิทธิพล คุณปลื้ม รมว.วัฒนธรรมได้ดูชลบุรี, ตรีนุช เทียนทอง ได้ดูสระแก้ว, ชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดีอีเอส ได้ดูสิงห์บุรีที่ตัวเองเคยเป็น ส.ส. หลายสมัย, อธิรัฐ รัตนเศรษฐ ได้ดูนครราชสีมา
“นอกจากพรรคพลังประชารัฐ พรรคร่วมรัฐบาลอื่นก็ได้ดูการใช้งบในจังหวัดตัวเองเช่นเดียวกัน ทั้ง ศักดิ์สยาม ชิดชอบ ที่ได้ดูบุรีรัมย์, มนัญญา ไทยเศรษฐ์ น้องสาว ชาดา ไทยเศรษฐ์ ได้ดูอุทัยธานี, วราวุธ ศิลปอาชา ได้ดูสุพรรณบุรี, เฉลิมชัย ศรีอ่อน ได้ดูประจวบคีรีขันธ์ และ สาธิต ปิตุเตชะ ที่ได้ดูระยอง
“ที่น่าจับตาคือภาคใต้ที่รัฐมนตรีจากพรรคประชาธิปัตย์ได้ดูแลเพียง 2 คน คือเฉลิมชัยและนิพนธ์ ซึ่งนิพนธ์ก็ไม่ได้ดูสงขลา แต่เป็น ร.อ. ธรรมนัส พรหมเผ่า ที่ลงมาดูพื้นที่หลายจังหวัดที่สำคัญของภาคใต้ ไม่ว่าจะเป็นสงขลา, นครศรีธรรมราช, ภูเก็ต แล้วให้ นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ ขึ้นไปดูจังหวัดในโซนภาคเหนือของตัวเองแทน ก็ต้องจับตาความขัดแย้งภายในรัฐบาลตรงนี้”
ไม่ว่าใครจะได้ดูจังหวัดใดก็แล้วแต่ ก็แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนแล้วว่าการจัดสรรงบประมาณ 4.5 หมื่นล้านบาทครั้งนี้เอาผลประโยชน์ทางการเมืองเป็นตัวตั้ง ไม่ใช่ผลประโยชน์ของประชาชน
นอกจากนี้พิจารณ์ยังขอให้รัฐบาลพิจารณาทบทวนคำสั่งแต่งตั้งและการใช้งบประมาณในส่วนนี้ เพื่อนำไปใช้แก้ปัญหาวิกฤตและเยียวยาประชาชน
“งบประมาณโครงการขับเคลื่อนไทยไปด้วยกันก้อนนี้เป็นส่วนหนึ่งของแผนงานฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม ภายใต้ พ.ร.ก. เงินกู้ 1 ล้านล้านบาท ซึ่งปรากฏชัดเจนแล้วว่างบประมาณก้อนนี้ที่ผ่านมาเต็มไปด้วยโครงการที่ไม่สมเหตุสมผล มีการอนุมัติโครงการและเบิกจ่ายล่าช้ามาก
“ก่อนหน้านี้รัฐบาลเคยอนุมัติโครงการจากเงินกู้ให้กับจังหวัดต่างๆ ไปแล้ว 210 โครงการ งบประมาณเกือบ 1 พันล้านบาท ปรากฏว่ามีถึง 160 โครงการที่ยังไม่ได้เริ่มเบิกจ่ายเลยแม้แต่บาทเดียว และส่วนที่เบิกจ่ายไปแล้วคิดเป็นเพียงแค่ 2% เท่านั้น พรรคก้าวไกลจึงอยากเสนอให้รัฐบาลทบทวนงบก้อนนี้แล้วนำมาใช้เป็นงบเยียวยาประชาชนสำหรับโควิด-19 ระลอก 3 แทน
“ที่ผมในนามพรรคก้าวไกลออกมาคัดค้านในครั้งนี้ เพราะเห็นว่าเงินที่ท่านจะเอาไปแบ่งเค้กกันนั้นมาจากที่ท่านขอกู้มาเพื่อแก้ปัญหาสถานการณ์วิกฤต เวลานี้รัฐบาลควรบริหารจัดการงบประมาณอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน ไม่ใช่การนำงบประมาณมากระจายตามฐานเสียงตอกย้ำกระแสข่าวลือเรื่องการยุบสภาว่าอาจเกิดขึ้นจริง” พิจารณ์กล่าวในที่สุด
อ้างอิง:
- สรุปมติ ครม. 20 เม.ย. 2564 (ดูข้อ 27) https://www.thaigov.go.th/news/contents/details/41043
- คู่มือโครงการและกรอบงบประมาณแต่ละจังหวัด https://www.moveforwardparty.org/wp-content/uploads/2021/04/คู่มือขับเคลื่อนไทย.pdf