วันนี้ (23 กันยายน) การประชุมใหญ่วิสามัญของพรรคก้าวไกล วาระสำคัญคือการเลือกกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ ภายหลังพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ลาออกจากหัวหน้าพรรคเมื่อวันที่ 16 กันยายนที่ผ่านมา โดยที่ประชุมมีมติเลือกกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ ดังนี้
- ชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรค
- อภิชาติ ศิริสุนทร เลขาธิการพรรค
- ณธีภัสร์ กุลเศรษฐสิทธิ์ เหรัญญิกพรรค
- ณกรณ์พงศ์ ศุภนิมิตตระกูล นายทะเบียนสมาชิกพรรค
- สมชาย ฝั่งชลจิตร กรรมการบริหาร
- อภิสิทธิ์ พรมฤทธิ์ กรรมการบริหาร
- เบญจา แสงจันทร์ กรรมการบริหาร
- สุเทพ อู่อ้น กรรมการบริหาร (สัดส่วนปีกแรงงาน)
จากนั้นกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ได้มีมติแต่งตั้งคณะที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล 3 คน โดยมี พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นประธาน ส่วนที่ปรึกษาอีก 2 คน ประกอบด้วย วีระยุทธ กาญจน์ชูฉัตร ทีมเศรษฐกิจพรรคก้าวไกล และ เดชรัต สุขกำเนิด ผู้อำนวยการศูนย์นโยบายเพื่ออนาคต
กรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ยังได้ตั้ง พิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์, ณัฐวุฒิ บัวประทุม, พล.ต.ต. สุพิศาล ภักดีนฤนาถ และ ศิริกัญญา ตันสกุล เป็นรองหัวหน้าพรรค และตั้ง สุรเชษฐ์ ประวีณวงศ์วุฒิ, ณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ และ ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ เป็นรองเลขาธิการพรรค นอกจากนี้ยังมีมติปรับกองโฆษกพรรค โดยแต่งตั้ง พริษฐ์ วัชรสินธุ เป็นโฆษกพรรคคนใหม่ โดยมีรองโฆษก 2 คน ได้แก่ กรุณพล เทียนสุวรรณ และ ภคมน หนุนอนันต์
โดยชัยธวัชกล่าวว่า จะเห็นได้ว่ามีการปรับองคาพยพในหลายส่วน ภาพรวมถือว่าเป็นการปรับทัพชั่วคราวของพรรคก้าวไกล เนื่องจากความจำเป็นทางด้านกฎหมายที่ทำให้พิธา แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคก้าวไกล ยังไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านและ สส. ในสภาผู้แทนราษฎรได้ในขณะนี้
ชัยธวัชกล่าวว่า ตนเองในฐานะหัวหน้าพรรคคนใหม่ ยินดีที่จะลงจากตำแหน่งเมื่อพิธาได้กลับมาทำหน้าที่ สส. ในสภาได้อีกครั้ง ดังนั้นคณะกรรมการบริหารพรรคที่ประชุมใหญ่ได้เน้นที่จะสลับบทบาทภายในของคณะกรรมการบริหารพรรคเดิมเป็นหลัก และในส่วนของกรรมการบริหารพรรคดูแลภาคเหนือแทน ปดิพัทธ์ สันติภาดา ที่ได้ลาออกไปทำหน้าที่รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 เท่านั้น
ชัยธวัชกล่าวว่า ตนเองในฐานะหัวหน้าพรรคคนใหม่ก็จะไปรับตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้านในสภา เพื่อขับเคลื่อนร่วมกับเลขาธิการพรรคคนใหม่ คู่ขนานไปกับการทำงานนอกสภาของพิธาในฐานะประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรค
ชัยธวัชกล่าวว่า เมื่อพรรคก้าวไกลตัดสินใจแล้วว่าจะเลือกดำรงตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้านอย่างสมบูรณ์ให้ได้ แต่ข้อจำกัดของรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน ทำให้พรรคไม่สามารถที่จะมี สส. ที่ดำรงตำแหน่งทั้งผู้นำฝ่ายค้านและรองประธานสภาในเวลาเดียวกันได้ ดังนั้นภายในสัปดาห์หน้าทางคณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่จะหารือในเรื่องนี้กับปดิพัทธ์ เพื่อให้ได้ข้อสรุปว่าจะตัดสินใจอย่างไร โดยจะใช้เวลาให้เร็วที่สุด
ขณะที่พิธากล่าวว่า ตนยินดีที่จะสนับสนุนการทำงาน ขอให้ทุกคนทำงานอย่างเต็มที่ และจะใช้เวลาที่มีลงพื้นที่นอกสภาให้มากที่สุด ไม่ว่าจะในประเทศไทย หรือพบปะกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียจากต่างประเทศ รอเวลาที่จะกลับเข้าสภาและเป็นผู้แทนให้กับประชาชนต่อไป ขอให้ประชาชนเชื่อมั่นในตนและพรรคก้าวไกล พร้อมย้ำว่ายังทำงานกันเป็นทีม ไม่ว่าจะเปลี่ยนตำแหน่ง แต่ความเข้มข้นของเนื้อหาในการทำงานยังเหมือนเดิม ขอให้ทุกคนมั่นใจไปกับพรรคก้าวไกล
เลขาธิการพรรคระบุว่า ประชาชนรอคอยการทำงานของพรรคก้าวไกลอยู่ ดังนั้นในฐานะฝ่ายค้านเรามีความจำเป็นต้องจัดทัพให้เกิดความเข้มแข็ง วางยุทธศาสตร์ในการเป็นฝ่ายค้านเชิงรุกที่ทำงานเพื่อประชาชนให้ได้อย่างสมบูรณ์แบบ ซึ่ง สส. ทุกคนของพรรครับผิดชอบประเด็นแต่ละกระทรวง ติดตามการทำงานของรัฐบาลอย่างเข้มข้น เชื่อว่าจะเป็นของขวัญปีใหม่ให้กับประชาชนในการเป็นฝ่ายค้านที่เป็นที่พึ่งของประชาชน และยืนยันตนจะทำงานให้ดีที่สุด
สำหรับภารกิจแรกของการเป็นผู้นำฝ่ายค้าน ชัยธวัชกล่าวว่า จะต้องเชิญพรรคร่วมฝ่ายค้านทุกพรรคมาหารือวางแนวทางในการทำงานร่วมกันอย่างเป็นเอกภาพ รวมถึงภารกิจจำเป็นเฉพาะหน้า คือการเสนอชื่อแต่งตั้งวิปฝ่ายค้าน เพื่อให้ประธานสภาได้แต่งตั้งอย่างเป็นทางการ โดยจะเสนอชื่อ ปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล เป็นประธานวิปฝ่ายค้าน เชื่อว่าจะได้รับการยอมรับจากฝ่ายค้าน เพราะได้ทำหน้าที่ในการประสานงานในช่วงที่ผ่านมา
ส่วนการที่ ปิยบุตร แสงกนกกุล แกนนำคณะก้าวหน้า ประกาศยุติการวิพากษ์วิจารณ์พรรคก้าวไกลนั้น ชัยธวัชกล่าวว่า การวิพากษ์วิจารณ์พรรคก้าวไกลเป็นสิทธิที่ทุกคนทำได้ และตนในฐานะผู้นำพรรคคนหนึ่งอยากเชิญชวนให้ทุกคนช่วยกันวิพากษ์วิจารณ์ ติชม หากพรรคก้าวไกลยังมีข้อบกพร่องหรือความผิดพลาดตรงไหน ให้ทุกคนได้แสดงความเห็นอย่างเต็มที่ ไม่ต้องมีความกังวล เพราะการติชมและวิพากษ์วิจารณ์จะนำไปสู่การปรับปรุงการทำงานให้ดีขึ้น
นอกจากนี้ ส่วนตัวมองว่าปิยบุตรเป็นกำลังสำคัญของการเมืองไทยที่จะสร้างความเปลี่ยนแปลงในอนาคต แม้ไม่สามารถดำรงตำแหน่งทางการเมืองใดๆ ได้อีกจนกว่าจะครบกำหนด 10 ปี คงต้องพยายามที่จะมีการพูดคุย และอยากให้ปิยบุตรใช้ศักยภาพของตัวเองในการเข้าร่วมการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองต่อไป
ชัยธวัชยืนยันว่า ที่กรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ไม่มีรายชื่อคนใหม่ไม่มีความเสี่ยงเกี่ยวกับกรณียุบพรรค แต่เห็นว่าควรปรับเล็กไปก่อนชั่วคราว ด้วยเหตุจำเป็นของกฎหมายและรัฐธรรมนูญ ส่วนจะมีการปรับใหญ่อีกครั้งในช่วงเดือนเมษายนในการประชุมใหญ่สามัญ ปี 2567 เนื่องจากจะครบ 4 ปีของกรรมการบริหาร ซึ่งต้องผ่านกระบวนการคัดเลือกในหลายขั้นตอน เนื่องจากไม่อยากให้มีการเสนอชื่อในที่ประชุม และอยากให้สมาชิกได้มีส่วนร่วมให้มากที่สุดเพื่อให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
สำหรับการเดินทางไปดูงานที่ประเทศสิงคโปร์ของปดิพัทธ์ โฆษกพรรคก้าวไกลกล่าวว่า ได้รับการยืนยันว่าภายหลังการดูงานก็จะมีการเปิดเผยรายละเอียดทั้งหมด ซึ่งเป็นเรื่องของทางสภา เชื่อว่าจะเป็นบรรทัดฐานที่ดีที่จะนำไปใช้ในการศึกษาดูงานในอนาคตในการชี้แจงทุกบาททุกสตางค์ให้ประชาชนได้เห็น
