วานนี้ (24 กันยายน) ที่อาคารกีฬาเวสน์ 1 ศูนย์เยาวชนกรุงเทพมหานคร (ไทย-ญี่ปุ่น) เขตดินแดง พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล ขึ้นบรรยายในหัวข้อ ‘ยุทธศาสตร์ก้าวไกลก่อนถึงวันเข้าทำเนียบ’ ในกิจกรรมก้าวต่อไป ก้าวไกลทั้งแผ่นดิน
พิธากล่าวตอนหนึ่งว่า แม้ว่าเราจะลาจากกัน แต่ขอบอกกับทุกท่านว่าจากกันไม่ตลอดไป เพราะจะกลับมายิ่งใหญ่เหมือนเดิม 3 ปี กับ 185 วัน เป็นการเดินทางที่ตนจะไม่มีวันลืม ตนเต็มใจกับสิ่งที่ได้ทำร่วมกันมาทุกๆ วัน มันคือการจุดไฟกลางสายลม ซึ่งอาจเป็นสิ่งที่ทำได้ยาก ไม่ว่าท่านจะสมหวังหรือผิดหวัง แต่ในเมื่อไฟที่จุดติดกลางสายลมแล้ว อย่าให้มันดับโดยเด็ดขาด ตนจะกลับมาอีกครั้ง
พิธากล่าวต่อว่า ขอพี่น้องอย่าเข้าใจผิดเด็ดขาด อย่าไปฟังนักวิชาการ อย่าไปฟังกูรูการเมืองที่บอกว่า ถึงแม้ผู้นำชุดใหม่จะเป็นผู้นำชั่วคราว แต่เขาไม่ใช่ชุดผู้นำขัดตาทัพแต่อย่างใด เขาคือผู้นำตัวจริงเสียงจริงของพรรคก้าวไกล
“พรรคก้าวไกลไม่ใช่เรื่องของตัวบุคคล พวกเราคือผู้คนและการเดินทาง ถึงแม้บุคคลใดบุคคลหนึ่งไม่อยู่ ต้องลาออก ต้องโดนตัดสิทธิ หรือย้ายพรรค แต่แกนกลางนั้นยังอยู่ นั่นก็คืออำนาจสูงสุดเป็นของประชาชน เราคือสายธารแห่งความหวัง เราคือสายธารของความเป็นไปได้ เราคือสายธารของความศรัทธา เพราะฉะนั้นใครก็ตามที่เข้าใจผิดว่าหัวหน้าพรรคคนเมื่อกี้เป็นแค่หัวหน้าพรรคขัดตาทัพ เขาเข้าใจผิด เพราะเขาผู้นั้นคือตัวจริงเสียงจริงของฝ่ายประชาธิปไตย” พิธากล่าว
พิธายังย้ำด้วยว่า ท่านรักพิธาอย่างไร ต้องรักชัยธวัชอย่างนั้น เราจะเป็นสายน้ำที่ไหลไปเรื่อยๆ แม้จะมีอุปสรรค เราก็สามารถที่จะไหลไปเรื่อยๆ สายน้ำที่อยู่ใกล้ดิน หมายถึงใกล้ชิดประชาชน น้ำไหลจากบนลงล่างเสมอ หมายถึงความถ่อมตัว ไม่มีหรอกฝนตกขึ้นฟ้า ฝนต้องตกลงดิน แต่เมื่อสายธารและสายน้ำถูกบีบกระทบ โดนดันมากๆ สายน้ำก็พร้อมที่จะพังทลาย เหมือนผลการเลือกตั้งที่ผ่านมา ตราบใดที่อุดมการณ์เรายังเหมือนเดิม
“เป้าหมายของเราในการทำงานการเมือง ที่ถึงแม้จะเป็นฝ่ายค้าน ก็คือฝ่ายค้านเชิงรุก ก่อนที่จะขึ้นมาเมื่อวานได้ไปเจอนักข่าวต่างประเทศ เขาถามผมว่า แล้วพรรคก้าวไกลจะเอาอย่างไรต่อ ชนะแล้วบริหารไม่ได้ พี่น้องรู้ไหมครับว่าผมตอบว่าอย่างไร ผมทำเลือกตั้งครั้งแรกได้มา 151 เสียง จาก 50 เป็น 150 เดี๋ยวเลือกตั้งครั้งต่อไป เทียบบัญญัติไตรยางศ์ก็รู้แล้วว่าจาก 150 จะกลายเป็นเท่าไร อาจจะอยู่ที่ 300 เสียง” พิธากล่าว
พิธาระบุเพิ่มเติมว่า คงมีคำถามต่อว่า แล้วฝ่ายค้านเชิงรุกเป็นอย่างไร แตกต่างจากฝ่ายค้านทั่วไปอย่างไร ต้องบอกว่าพรรคก้าวไกลจะเป็นฝ่ายค้านที่ไม่ได้จ้องจะค้านรัฐบาลเพียงอย่างเดียว แต่จะเป็นฝ่ายค้านที่อยู่ข้างประชาชน จะเป็นฝ่ายค้านที่จะสั่งสมชัยชนะไปเรื่อยๆ จนเป็นรัฐบาลที่ดีที่สุดของคนไทย ด้วยกลยุทธ์ ‘แข่ง ขยับ และขยาย’
แข่ง: พร้อมแข่งทุกสนามเลือกตั้ง ตั้งแต่การเลือกตั้งท้องถิ่นจนไปสู่การเลือกตั้งระดับประเทศ
ขยับ:ในการทำงานจะขยับเป็นองคาพยพ
ขยาย: ฐานสมาชิกจาก 80,000 คน ให้เป็นพรรคที่มีสมาชิกมากที่สุดในประวัติศาสตร์การเมืองไทย
“อย่าลืมสิ่งที่พวกเราได้ทำร่วมกันมา เราชนะในกติกาที่เขาเขียน เราชนะในช่วงที่ไม่มีใครคิดว่าเราจะชนะได้ เราชนะในการเลือกตั้งที่มีส่วนร่วมของประชาชนมากที่สุดในประวัติศาสตร์การเมืองไทย ขอให้พากันออกไป จนกว่าจะถึงเส้นชัยของพวกเรา จะก้าวอย่างไร ต้องก้าวด้วยกัน เพื่อที่จะก้าวต่อไป ก้าวไกลทั้งแผ่นดิน” พิธากล่าว