วานนี้ (29 เมษายน) ช่วงค่ำ สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ลงพื้นที่สังเกตการณ์ขั้นตอนการขนย้ายกากแคดเมียม พร้อมตั้งข้อสังเกตว่า เห็นความไม่ปลอดภัยจากการขนย้ายและเคลื่อนขบวนรถขนย้ายกากแคดเมียมในครั้งนี้ ได้แก่ การไม่ใช้ตู้คอนเทนเนอร์ อุปกรณ์สวมใส่มีไม่เพียงพอ และสัญลักษณ์บ่งชี้วัตถุอันตรายไม่ชัดเจน
“ไม่ใช้ตู้คอนเทนเนอร์ทั้งที่ถนนและพื้นที่เข้า-ออกได้ง่าย รถขนาดใหญ่สามารถเข้าในพื้นที่ได้ แต่ดันไม่ใช้ให้ถูกต้อง และใช้วิธีโกยใส่ถุงแล้วโยนใส่รถพ่วง ปิดผ้าใบ มิหนำซ้ำนี่คือวันแรกในการขนย้าย คนมาดูก็เยอะ ยังเก็บงานไม่เรียบร้อย ตนไม่กล้าคิด หากห่างหูห่างตาแบบที่ไม่มีใครเห็นจะเป็นอย่างไร” สุชัชวีร์ระบุ
รวมถึงเจ้าหน้าที่ไม่มีอุปกรณ์ป้องกันสารพิษที่เหมาะสม การเคลื่อนย้ายกากแคดเมียมเป็นวัตถุมีพิษอันตราย โดยเฉพาะไอระเหย หากสูดเข้าไปหรือสัมผัสผ่านผิวหนังอันตรายมาก แต่เจ้าหน้าที่มีอุปกรณ์ไม่เพียงพอ บางคนสวมหน้ากากอนามัย หลายคนไม่มีอุปกรณ์ป้องกันตาและใบหน้า
ด้าน พูนศักดิ์ จันทร์จำปี สส. บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล และประธานคณะกรรมาธิการการที่ดิน ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ให้ความเห็นว่า จากการลงพื้นที่ของ คริษฐ์ ปานเนียม สส. ตาก พรรคก้าวไกล เมื่อวันที่ 28 เมษายนที่ผ่านมา พบว่าโรงพักคอยที่ตำบลหนองบัวใต้ อำเภอเมืองตาก จังหวัดตาก ยังมีจุดบกพร่อง สะท้อนการขาดความรัดกุมและความไม่ชัดเจนในการจัดการการรับกากแคดเมียมกลับ สุดท้ายอาจสร้างผลกระทบต่อประชาชน
ข้อเสนอเฉพาะหน้าของพรรคก้าวไกลคือ แทนที่จะนำกากแคดเมียมไปวางกับพื้นของโรงพักคอยซึ่งยังมีสภาพไม่เรียบร้อย ให้นำไปจัดเก็บที่โกดังซึ่งเป็นพื้นซีเมนต์ที่จัดเก็บกากแคดเมียมในปัจจุบันก่อน ขณะเดียวกันต้องเร่งตรวจสอบบ่อที่ 4 ซึ่งมีที่ว่างจำนวน 2,700 ตัน ว่ามีความพร้อมที่จะรับกากแคดเมียมหรือไม่ หากมีสภาพสมบูรณ์จะสามารถรับกากแคดเมียมทั้งหมดจากเขตบางซื่อ กรุงเทพฯ และบางส่วนจากจังหวัดสมุทรสาคร แต่หากบ่อยังไม่เต็มสามารถนำกากแคดเมียมบางส่วนซึ่งถูกจัดเก็บในโกดังไปเติมในบ่อที่ 4 เพื่อให้เต็ม 2,700 ตัน แล้วเร่งปิดบ่อให้เร็วที่สุดด้วยการปิดคลุมบ่อ 4 ด้านบนด้วยซีเมนต์ทันที
ระหว่างนี้จะมีพื้นที่ในโกดังที่ว่างสำหรับรับกากแคดเมียมที่ขนส่งมาเพิ่ม ขณะเดียวกันภาครัฐต้องกำกับบริษัทให้เร่งปรับสภาพบ่อที่ 5 โดยเร็ว เช่น เทพื้นบ่อที่ 5 ใหม่ให้แล้วเสร็จและได้มาตรฐาน เพื่อป้องกันการรั่วไหล โดยคาดว่าการเทพื้นจะเสร็จทันพอดีกับการขนส่งกากแคดเมียมจำนวน 2,500 ตัน หากคำนวณจากการขนวันละ 120 ตัน จะใช้เวลาประมาณ 20 วัน ปูนจะแห้งพอดี รวมถึงต้องติดตามให้บริษัทที่เกี่ยวข้องมีแผนฟื้นฟูพื้นที่ที่อาจปนเปื้อนกากแคดเมียมโดยเร็วที่สุด
“น่าผิดหวังที่ภาครัฐพยายามเร่งรัดกระบวนการ แต่กลับไม่ให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของประชาชน โดยเฉพาะนายกรัฐมนตรี ผมเคยเสนอแนะในการอภิปรายงบ 67 ว่ามี 7 วิกฤตเกี่ยวกับมลพิษขยะอุตสาหกรรมและขยะชุมชน ถึงตอนนี้เกิดวิกฤติเพลิงไหม้ไปแล้ว 3 เรื่อง ถ้านายกฯ จริงจังใส่ใจกับเรื่องนี้ตั้งแต่แรก อาจสามารถป้องกันหรือลดความเสียหายได้มากกว่านี้ จึงขอฝากให้นายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กำกับให้บริษัททำตามมาตรฐาน รับผิดชอบต่อชีวิตของประชาชน” พูนศักดิ์กล่าว