วันนี้ (24 กุมภาพันธ์) เวลา 14.00 น. ณ ห้องประชุม ชั้น 25 อาคารเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบพระชนมพรรษา การกีฬาแห่งประเทศไทย ได้มีพิธีร่วมลงนามบันทึกข้อตกลง (MOU) ระหว่างกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา, การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) และสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ในการจัดแข่งขันฟุตบอลลีกเยาวชนแห่งชาติ 2021 (Thai Youth League 2021) ตั้งแต่รุ่นอายุไม่เกิน 10 ปี, 12 ปี, 14 ปี, 16 ปี, 18 ปี และ 21 ปี ตั้งเป้าสร้างต้นแบบการทำงานร่วมกันที่เป็นระบบการพัฒนาฟุตบอลของประเทศที่เป็นหนึ่งเดียว
โดยภายในพิธีได้รับเกียรติจาก นภินทร ศรีสรรพางค์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นประธาน พร้อมด้วย ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย และ พล.ต.อ. ดร.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ รวมทั้งบุคลากรฟุตบอล สื่อมวลชน ร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีลงนาม
พล.ต.อ. ดร.สมยศ กล่าวว่า วัตถุประสงค์ของการลงนาม MOU ครั้งนี้ เพื่อยกระดับมาตรฐานในการจัดการแข่งขันฟุตบอลลีกเยาวชนแห่งชาติให้เป็นไปตามปิรามิดฟุตบอลของประเทศไทยที่ทางสมาคมฯ ได้จัดวางแผนไว้ตามแผนแม่บทระยะยาว 20 ปี โดยสมาคมฯ ได้เล็งเห็นถึงการวางกลยุทธ์ มีหลักคิดและจุดประสงค์ในการจัดการแข่งขันในแต่ละรุ่นอายุอย่างละเอียด โดยแบ่งออกได้เป็น 3 ช่วง คือ ช่วงวัยเรียนรู้ วัยพัฒนา และวัยที่ต้องแสดงศักยภาพเพื่อความเป็นเลิศ
ในการแข่งขันภายใต้โครงสร้างใหม่นี้มีการเพิ่มรุ่นอายุให้ฟุตบอลไทยขับเคลื่อนได้อย่างสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น โดยมีการเปิดเวทีรองรับนักกีฬาตั้งแต่วัยเริ่มเข้าสู่ฟุตบอล รุ่นยุวชน (U10, U12, U14) เยาวชน (U16, U18) ไปจนถึงการส่งต่อนักฟุตบอลเข้าสู่เวทีฟุตบอลอาชีพ (U21) เป็นการเพิ่มประชากรเข้าสู่วงการกีฬาฟุตบอล และลดปัญหาการหายไปของนักฟุตบอลในช่วงอายุที่ออกจากรั้วโรงเรียนเข้าสู่การเป็นนักฟุตบอลสโมสรอาชีพ
พล.ต.อ. ดร.สมยศ กล่าวอีกว่า ได้มีการจัดวางปฏิทินการแข่งขันอย่างเหมาะสม ไม่ทับซ้อนกับโปรแกรมทีมชาติ และเป็นเวทีให้กับเยาวชนได้แสดงศักยภาพ เพิ่มประสบการณ์ กำหนดจำนวนแมตช์การแข่งขันที่เพียงพอเหมาะสมต่อนักกีฬาในแต่ละช่วงอายุในแต่ละปี อีกทั้งยังช่วยผลักดันให้สโมสรฟุตบอลอาชีพ รวมถึงสมาคมกีฬาจังหวัดต่างๆ เกิดความตื่นตัวในการพัฒนาเยาวชนมากขึ้น เพราะมีเวทีรองรับในทุกช่วงอายุแล้วหลังจากนี้
การแข่งขันในแต่ละรุ่นอายุได้มีการกำหนดเป้าหมายชัดเจน เช่น รุ่นอายุไม่เกิน 10 และ 12 ปี จะเป็นการแข่งขันเพื่อปลูกฝังและสร้างความสนุกสนาน สร้างแรงบันดาลใจให้กับเด็กๆ มีความชอบในกีฬาฟุตบอล ได้สัมผัสการแข่งขัน สร้างทักษะและเรียนรู้เป็นหลัก
ส่วนรุ่นอายุไม่เกิน 14 ปี, 16 ปี และ 18 ปี เพื่อความต่อเนื่องในการพัฒนาทักษะฟุตบอล และรองรับการแข่งขันฟุตบอลระดับนานาชาติ
ส่วนในรุ่น 21 ปี จะเปรียบเสมือนเวทีที่รองรับนักกีฬาที่เตรียมเข้าสู่สโมสรฟุตบอลอาชีพ และเป็นลีกที่ให้นักฟุตบอลได้ลงเล่นอย่างต่อเนื่อง จากเดิมที่กิจกรรมฟุตบอลขาดหายไปในช่วงวัยนี้ และที่สำคัญจะเป็นแหล่งคัดสรรนักกีฬาที่จะไปรวมกับนักฟุตบอลในลีกอาชีพ เพื่อเตรียมเข้าสู่การแข่งขันที่มีการจำกัดอายุ เช่น มหกรรมกีฬาซีเกมส์, เอเชียนเกมส์ และคัดโอลิมปิก ต่อไป
“นอกจากการพัฒนานักกีฬาระดับเยาวชนแล้ว การแข่งขันฟุตบอลลีกเยาวชนแห่งชาติยังเป็นเวทีรองรับ พัฒนา และสร้างโอกาสการทำงานของบุคลากรฟุตบอลอีกหลายๆ ด้านพร้อมกันไปด้วย เช่น ผู้ฝึกสอน, ผู้ตัดสิน, ผู้ควบคุมการแข่งขัน, เจ้าหน้าที่สโมสร อันจะเห็นได้ว่าเป็นการขับเคลื่อนวงการกีฬาอาชีพอย่างครบถ้วนสมบูรณ์ยิ่งขึ้น” พล.ต.อ. ดร.สมยศ กล่าว
พล.ต.อ. ดร.สมยศ กล่าวด้วยว่า ตนในฐานะนายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ต้องขอขอบคุณทุกฝ่ายที่เล็งเห็นความสำคัญในการพัฒนาฟุตบอลระดับเยาวชน โดยเฉพาะกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา, การกีฬาแห่งประเทศไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งภาครัฐและภาคเอกชน ผู้สนับสนุน สื่อมวลชน ที่ร่วมกันผลักดันจนทำให้เกิดฟุตบอลลีกเยาวชนแห่งชาติขึ้น เพราะถ้าหากขาดการสนับสนุนที่ต่อเนื่องแล้ว ก็ยากที่สมาคมฯ จะสามารถผลักดันสิ่งต่างๆ ให้สำเร็จลุล่วงไปได้
“วันนี้เราเริ่มต้นด้วยการวางระบบรากฐานที่มั่นคงแล้ว ผมมั่นใจว่าความสำเร็จต่างๆ ทั้งระดับภูมิภาค ระดับทวีป และระดับโลก จะกลับมาสร้างความสุขให้กับแฟนบอลชาวไทยได้ในอนาคต” พล.ต.อ. ดร.สมยศ กล่าว
สำหรับการแข่งขันฟุตบอลลีกเยาวชนแห่งชาติ 2021 ได้รับการส่งเสริมและสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการดำเนินการจัดการแข่งขันทุกรุ่นอายุตั้งแต่ 10 ปี, 12 ปี, 14 ปี, 16 ปี, 18 ปี และ 21 ปี จาก กกท. ตลอดฤดูกาล 2021
สำหรับการเปิดรับสมัครทีมเข้าร่วมการแข่งขัน คุณสมบัติของทีมที่สามารถเข้าร่วมแข่งขัน และรายละเอียดการแข่งขันในแต่ละรุ่นอายุ ฝ่ายจัดการแข่งขันฟุตบอลลีกเยาวชนแห่งชาติจะประกาศให้ทราบอย่างเป็นทางการต่อไป
พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล