ต้อนรับเช้าวันใหม่กับความเคลื่อนไหวสำคัญในโลกเศรษฐกิจ การเงิน และการลงทุน ประจำวันที่ 7 มกราคม ใน THE STANDARD WEALTH Morning Brief
Dow Jones พุ่งทุบสถิติ ลุ้น Blue Wave ดันมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่ม
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวเพิ่มขึ้นในภาพรวม โดยเฉพาะดัชนี Dow Jones ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นได้โดดเด่นที่สุด โดยบวกไปกว่า 400 จุด และปิดที่ระดับสูงสุดใหม่ได้อีกครั้ง ส่วนดัชนี Nasdaq 100 ปรับตัวลดลงค่อนข้างแรง เนื่องจากความกังวลว่าบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่อาจจะถูกภาครัฐกดดันมากขึ้น ในประเด็นเกี่ยวกับการทำธุรกิจผูกขาด หลังพรรคเดโมแครตได้จำนวน ส.ว. เพิ่มมากขึ้น จึงทำให้ดัชนี S&P 500 ปรับตัวเพิ่มขึ้นได้เพียง 0.57%
ปัจจัยหลักที่ทำให้ตลาดปรับตัวเพิ่มขึ้นในภาพรวม มาจาก (1) ตัวแทนจากพรรคเดโมแครตชนะการเลือกตั้ง ส.ว. รัฐจอร์เจียอย่างไม่เป็นทางการ ทำให้เกิด Blue Wave ส่งผลให้นักลงทุนคาดหวังว่าจะได้เห็นงบกระตุ้นเศรษฐกิจก้อนใหญ่ขึ้นในอนาคต (2) อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาแตะระดับ 1.0% เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนมีนาคม 2020 ส่งผลให้หุ้นในกลุ่มสถาบันการเงินขนาดใหญ่ปรับตัวเพิ่มขึ้นกันได้ดี
ตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนในสหรัฐฯ หดตัวครั้งแรกรอบ 8 เดือน
ด้านความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจในสหรัฐ (1) ประธานาธิบดีทรัมป์เซ็นอนุมัติคำสั่งในการแบนการทำธุรกรรมกับแอปพลิเคชันจีน 8 แอปฯ ซึ่งรวมถึง Ant ของ Alibaba, QQ Wallet และ WeChat Pay ของทาง Tencent ด้วย โดยจะเริ่มมีผลภายใน 45 วัน
(2) ตัวเลขการจ้างงานภาคเอกชนหรือ ADP Nonfarm Employment Change ประจำเดือนธันวาคม การจ้างงานหดตัว 123,000 ตำแหน่ง จากที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 88,000 ตำแหน่ง เป็นการหดตัวเป็นครั้งแรกในรอบ 8 เดือน โดยเฉพาะธุรกิจด้านบริการที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยว ขนส่ง และสาธารณูปโภค มีการเลิกจ้างรวมกันมากกว่า 100,000 ตำแหน่ง
(3) ประกาศตัวเลขดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคบริการที่สำรวจโดย Markit หรือ US Services PMI ประจำเดือนธันวาคม ขยายตัวที่ 54.8 จุด ขยายตัวน้อยกว่าที่คาดไว้ที่ 55.3 จุด
(4) ตัวเลขน้ำมันดิบคงคลังประจำสัปดาห์ ลดลง 8.01 ล้านบาร์เรล ลดลงมากกว่าที่คาดไว้ที่ 2.13 ล้านบาร์เรล
‘หุ้นจีน’ ปรับขึ้นต่อเนื่องหลังเปิดปีใหม่ แรงซื้อกลุ่มการเงิน น้ำมัน
ตลาดหุ้นจีน CSI300 เพิ่มขึ้น 49.16 จุด หรือ 0.92% ดัชนีรวมหุ้นขนาดใหญ่ของตลาดหุ้นจีนปรับตัวเพิ่มขึ้นได้เป็นวันที่สามติดต่อกันในการซื้อขายปี 2021 ถึงแม้ว่าจะมีปัจจัยกดดันจากคำสั่งแบนการทำธุรกรรมด้านการเงินผ่านแอปพลิเคชันของจีนครั้งล่าสุดของประธานาธิบดีทรัมป์ แต่ดัชนีก็ยังเคลื่อนไหวอยู่ในแดนบวกเป็นส่วนใหญ่ เนื่องจากหุ้นในกลุ่มสถาบันการเงิน น้ำมัน สินค้าอุปโภคบริโภค และวัสดุก่อสร้าง ปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ดี ด้านหุ้นกลุ่มผู้ผลิตสินค้าเทคโนโลยีปรับตัวลดลงกันเป็นส่วนใหญ่ แต่ก็ไม่ได้รุนแรงอะไร นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิเล็กน้อยเป็นวันแรกของปีที่ 37 ล้านดอลลาร์
ด้านความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจ (1) ประกาศตัวเลขดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคบริการที่สำรวจโดย Markit หรือ Caixin Services PMI ประจำเดือนธันวาคม ขยายตัวที่ระดับ 56.3 จุด ขยายตัวลดลงจากเดือนก่อนที่ระดับ 57.8 จุด (2) รายงานยอดส่งมอบโทรศัพท์มือถือสมาร์ทโฟนประจำปี 2020 อยู่ที่ 1,250 ล้านเครื่อง ลดลง 11% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า (YoY) โดยยอดขาย (จำนวนเครื่อง) 6 อันดับแรก คือ Samsung, Apple, Xiaomi, OPPO และ Vivo
‘ซาอุฯ’ ยอมลดกำลังการผลิตเพิ่ม 1 ล้านบาร์เรลต่อวัน
ประเทศพี่ใหญ่แห่งกลุ่ม OPEC ประกาศลดกำลังการผลิตน้ำมันเพิ่มเติมจากเดิม 1 ล้านบาร์เรลต่อวันในเดือนกุมภาพันธ์และมีนาคม 2021 เพื่อเป็นการบริหารจัดการอุปทานน้ำมันโลกให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นหลังการแพร่ระบาดรุนแรงขึ้น ส่วนอีกสองประเทศในกลุ่ม OPEC+ อย่างรัสเซียและคาซัคสถานได้รับอนุญาตให้ผลิตได้มากขึ้นเล็กน้อยสองประเทศรวมกันไม่เกิน 75,000 บาร์เรลต่อวัน จากความเคลื่อนไหวในครั้งนี้ รวมถึงตัวเลขภาคการผลิตที่ขยายตัวต่อเนื่อง ส่งผลให้ราคาน้ำมันปรับตัวเพิ่มขึ้น
‘ราคาทองคำ’ ร่วงหนักหลังผลตอบแทนพันธบัตรปรับเพิ่มขึ้น
ราคาทองคำปรับตัวลดลงค่อนข้างแรงมาปิดที่ 1,918 ดอลลาร์ ลดลง 1.64% หลังจากที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ดีในสองวันทำการที่ผ่านมา โดยเจอแรงกดดันจากผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาที่ระดับ 1%
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์
