ทีมวิจัยของสถาบันการเงินชื่อดัง Morgan Stanley ชี้ว่าในอนาคตการนำคริปโตมาใช้ในฐานะตัวกลางในการชำระเงิน (Currency) จะเพิ่มสูงขึ้นกว่านี้อีกมาก แม้ในปัจจุบันร้านค้าจำนวนมากอาจจะยังไม่รับการชำระด้วยคริปโต ประกอบกับในปัจจุบันยังมีค่าธรรมเนียมต่อธุรกรรมที่ค่อนข้างสูง
โดยทีมวิจัยมองว่าดีลล่าสุดของบริษัทด้านการชำระเงิน Strike ที่เสนอบริการที่เกี่ยวข้องกับคริปโตและมีแผนที่จะนำระบบ Lightning Network ของ Bitcoin มาใช้ภายในระบบนิเวศของตน ได้ประกาศพาร์ตเนอร์กับ NCR ผู้ให้บริการด้าน Point of Sale (POS: ระบบการรับชำระหน้าร้านค้า) และ Blackhawk Network บริษัทด้านการชำระเงิน ซึ่งทำให้ร้านค้าและร้านอาหารจำนวนมากในสหรัฐฯ จะสามารถรับชำระด้วย Bitcoin ได้ในอนาคต
บทความที่เกี่ยวข้อง
- 10 อันดับแบรนด์นาฬิกาหรูประจำปี 2021 จากการจัดอันดับของ Morgan Stanley
- Morgan Stanley คาดวิกฤตยูเครนกดดันสกุลเงินเอเชียร่วงต่อเนื่อง แนะเลี่ยงถือเงินบาท
- นักกลยุทธ์ Morgan Stanley ชี้ ‘ยังเร็วเกินไปที่จะบอกว่าจีนผ่านจุดต่ำสุดแล้ว’
Morgan Stanley กล่าวว่า การเข้าร่วมเป็นพาร์ตเนอร์กับร้านค้าที่เป็นเชิงกายภาพ จะเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของการนำ Bitcoin มาใช้ในฐานะตัวกลางในการแลกเปลี่ยนอย่างแท้จริง เนื่องจากว่าการใช้จ่ายในสหรัฐฯ เกิดจากหน้าร้านกว่า 85% ในขณะที่ออนไลน์เพียง 15%
การที่ Strike นำ Lightning Network มาใช้นั้น จะทำให้ค่าธรรมเนียมต่อธุรกรรมเข้าใกล้ศูนย์ ซึ่งทำให้สามารถนำไปใช้ได้จริงสำหรับธุรกรรมขนาดเล็กที่เกิดขึ้นอยู่ในการชำระของเดบิตการ์ดขณะนี้
แม้การผันผวนของราคา Bitcoin ทำให้การซื้อสินค้าและบริการเป็นไปได้ยาก แต่ถ้าหากการชำระเงินด้วย Bitcoin เกิดขึ้นจริง ความผันผวนของราคา Bitcoin ย่อมมีแนวโน้มที่จะผันผวนลดลงเหมือนสกุลเงินอื่นๆ ได้เช่นเดียวกัน
นอกจากนั้นเอง คริปโตถือเป็นสกุลเงินที่ถูกใช้ในฐานะตัวกลางการชำระเงินอยู่แล้วในขณะนี้หากแต่อยู่ในโลกดิจิทัล โดย Ethereum นั้นก็เป็นตัวกลางหลักในโลกดิจิทัลสำหรับการซื้อขาย NFT อยู่นั่นเอง และจากการเพิ่มจำนวนของแบรนด์ที่สนใจเข้าลงทุนใน Metaverse การรับชำระด้วยคริปโตก็คงจะเลี่ยงไม่ได้เช่นเดียวกัน
อ้างอิง:
ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH
Twitter: twitter.com/standard_wealth
Instagram: instagram.com/thestandardwealth
Official Line: https://lin.ee/xfPbXUP