Morbius คือภาพยนตร์ซูเปอร์ฮีโร่เรื่องล่าสุดจาก Sony Pictures และเป็นภาพยนตร์ลำดับที่ 3 ของจักรวาล Sony’s Spider-Man Universe โดยได้ Daniel Espinosa จากภาพยนตร์ไซไฟระทึกขวัญอย่าง Life (2017) มานั่งแท่นผู้กำกับ พร้อมด้วย Jared Leto นักแสดงเจ้าของรางวัลออสการ์จาก Dallas Buyers Club (2013) มาสวมบทเป็น Morbius
ภาพยนตร์จะพาผู้ชมไปทำความรู้จักกับ Michael Morbius (Jared Leto) นายแพทย์มากฝีมือที่กำลังป่วยเป็นโรคร้าย เขาจึงพยายามค้นหาวิธีรักษาเพื่อช่วยเหลือตนเองและคนไข้คนอื่นๆ ที่ป่วยเป็นโรคเดียวกับเขา
Morbius ได้เริ่มต้นการทดลองด้วยการเดินทางไปยังถ้ำค้างคาวแห่งหนึ่ง โดยใช้ร่างกายของตัวเองเป็นหนูทดลอง แต่แล้วเหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เมื่อจู่ๆ ร่างกายของ Morbius ก็มีพลังเหนือมนุษย์และสามารถทำทุกอย่างได้แบบเดียวกับค้างคาว แต่มันก็ต้องแลกมากับความกระหายเลือดที่เขาไม่สามารถควบคุมมันได้ เรื่องราวของแอนตี้ฮีโร่ที่จะมาทำลายเส้นแบ่งระหว่างผู้พิทักษ์และผู้ทำลายล้างจึงได้เริ่มต้นขึ้น
หากมองในภาพรวม เราคิดว่า Morbius มีรสชาติที่คล้ายคลึงกับ Venom (2018) อยู่พอสมควร กล่าวคือตัวผู้กำกับและทีมสร้างเลือกที่จะเล่าเรื่องราวตามขนบหนังต้นกำเนิดฮีโร่แบบไม่มีผิดเพี้ยน เริ่มต้นจากการพาเราไปทำความรู้จักกับตัวละครหลักอย่าง Morbius และปมปัญหาที่เขากำลังเผชิญ ก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์บางอย่างที่ทำให้เขามีพลังพิเศษและกลายเป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องราวทั้งหมด เรียกได้ว่าสำหรับใครที่ชื่นชอบภาพยนตร์แนวซูเปอร์ฮีโร่อยู่แล้วก็คงจะคาดเดาทิศทางภาพยนตร์ได้ไม่ยากนัก
ซึ่งแม้ว่า Morbius จะเล่าเรื่องราวแบบสูตรสำเร็จก็ตาม ผู้กำกับและทีมสร้างก็สามารถนำเสนอเรื่องราวระหว่างทางออกมาได้อย่างสนุกสนาน ทั้งการพาเราไปร่วมสำรวจความสามารถพิเศษต่างๆ ไปพร้อมกับ Morbius รวมถึงฉากแอ็กชันที่ถูกออกแบบมาได้อย่างสร้างสรรค์ ซึ่งเสริมให้คาแรกเตอร์ Morbius มีเสน่ห์มากยิ่งขึ้น โดยส่วนตัวแล้ว Morbius จึงเป็นภาพยนตร์ที่ยังคงสร้างความสนุกสนานให้กับเราได้ดีพอสมควร
อย่างไรก็ตาม แน่นอนว่าการที่ตัวผู้กำกับและทีมสร้างเลือกที่จะ ‘เพลย์เซฟ’ ด้วยการเล่าเรื่องราวตามสูตรสำเร็จ ไม่ต้องพยายามทำอะไรที่แปลกใหม่หรือเกินตัวจนควบคุมไม่ได้ มันจึงทำให้ภาพยนตร์มีทั้งข้อดีและข้อเสียในเวลาเดียวกัน
เพราะหากเรามองกันแค่ตัวภาพยนตร์เดี่ยวๆ การเล่าเรื่องตามสูตรสำเร็จอาจจะช่วยสร้างความสนุกให้กับผู้ชมได้ไม่ยากนัก แต่หาก Sony พยายามจะปลุกปั้นจักรวาลซูเปอร์ฮีโร่ของตัวเองด้วยวิธีแบบนี้ต่อไปจริงๆ มันก็อาจจะส่งผลให้เรื่องราวของจักรวาลนี้ค่อยๆ ลดทอนความน่าสนใจลงไปเรื่อยๆ
ซึ่งจุดด้อยข้อหนึ่งที่เราสังเกตได้อย่างชัดเจนคือ การสร้างตัวร้ายหลักของเรื่องอย่าง Milo (Matt Smith) ที่ยังไม่น่าสนใจมากพอ และหากเราลองย้อนกลับไปใน Venom: Let There Be Carnage (2021) ตัวภาพยนตร์ก็มีปัญหาในแง่ของตัวร้ายหลักของเรื่องที่ไม่มีเสน่ห์เช่นเดียวกัน
อีกหนึ่งจุดด้อยที่อาจจะไม่ได้เกี่ยวกับเนื้อเรื่องหลักมากนัก แต่เราค่อนข้างไม่ชอบเป็นการส่วนตัว คือฉากท้ายเครดิตของเรื่องที่ดูจะมัดมือชกไปเสียหน่อย จนไม่สามารถชักชวนให้เรารู้สึกตื่นเต้นหรืออยากติดตามเรื่องราวในอนาคตของจักรวาล Sony’s Spider-Man Universe ได้อย่างที่ควรจะเป็น
ในภาพรวมแล้ว Morbius ยังคงเป็นภาพยนตร์ซูเปอร์ฮีโร่ที่สร้างความสนุกสนานให้กับเราได้ดีไม่แพ้ Venom ทั้งการออกแบบคาแรกเตอร์ที่มีเสน่ห์ มีการนำเสนอให้เราได้ทำความรู้จักกับ Morbius ที่น่าสนใจ และการออกแบบฉากแอ็กชันที่สร้างสรรค์ แต่ขณะเดียวกัน ภาพยนตร์ก็มีจุดด้อยสำคัญในแง่ของตัวร้ายหลักที่ไม่มีเสน่ห์ชวนติดตาม จนทำให้ความเข้มข้นของเนื้อเรื่องลดทอนลงไปอยู่ไม่น้อย
และหาก Sony ต้องการจะปลุกปั้นให้จักรวาล Sony’s Spider-Man Universe มีความน่าสนใจเหมือน MCU จริงๆ เราคิดว่าทางทีมสร้างคงจะต้องทำการบ้านในแง่ของการเชื่อมโยงจักรวาลและวิธีการนำเสนอเรื่องราวที่มากกว่าทำตามสูตรสำเร็จอีกสักหน่อย
Morbius เข้าฉายอย่างเป็นทางการแล้ววันนี้ ในโรงภาพยนตร์
รับชมตัวอย่างได้ที่นี่