วันนี้ (23 กันยายน) นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค เปิดเผยว่า ขณะนี้ประเทศไทยมีผู้สูงอายุเพิ่มขึ้น จากข้อมูลสำนักงานสถิติแห่งชาติในปี 2563 ระบุว่ามีจำนวนกว่า 11.6 ล้านคน เรื่องที่น่าเป็นห่วงของประชากรวัยนี้คือเรื่องการพลัดตกหกล้ม แต่ละปีประมาณ 3 ล้านรายหกล้ม บาดเจ็บ 6 แสนราย ต้องเข้ารักษาในโรงพยาบาลมากกว่า 60,000 รายต่อปี หรือเฉลี่ยชั่วโมงละ 7 ราย และมีผู้เสียชีวิตเฉลี่ยวันละ 4 ราย และเป็นเหตุให้ผู้สูงอายุเกิดความพิการ ส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตและทางจิตใจ ทำให้หวาดกลัวการหกล้ม สาเหตุที่สำคัญคือมีภาวะมวลกล้ามเนื้อน้อยพบมากถึงร้อยละ 35 ทำให้การทรงตัวได้ไม่ดีเหมือนวัยอื่นๆ รวมทั้งการมีโรคประจำตัว
นพ.โอภาสกล่าวต่อไปว่า จากการสอบสวนเหตุการณ์พบว่า การพลัดตกหกล้มกว่าร้อยละ 80 เกิดภายในบ้าน จุดเสี่ยงนอกจากจะเป็นที่ห้องน้ำ ห้องนอนแล้ว ยังมีเรื่องใกล้ตัวที่ไม่ควรมองข้ามอีก 4 เรื่อง คือ
- ประการที่ 1 ผ้าเช็ดเท้า ควรใช้เป็นแผ่นหนาผืนเดียวกัน ไม่ควรนำเสื้อผ้ามาเป็นที่เช็ดเท้า อาจทำให้สะดุดล้มได้
- ประการที่ 2 การเปลี่ยนใส่ผ้า ผู้สูงอายุควรนั่งเปลี่ยนบนเก้าอี้ที่มั่นคง ไม่ควรยืนเปลี่ยน อาจทำให้การทรงตัวไม่ดี เซ หรือล้มง่าย
- ประการที่ 3 ไม่ใช้คันร่มแทนไม้เท้า เพราะไม่สามารถรับน้ำหนักตัวได้
- ประการที่ 4 รองเท้า ต้องมีพื้นหนาและมีดอกยางกันลื่น ไม่ควรใส่รองเท้าจนพื้นสึกบาง เพราะจะทำให้ลื่นง่าย
ด้าน นพ.สุทัศน์ โชตนะพันธ์ ผู้อำนวยการกองป้องกันการบาดเจ็บ กล่าวว่า ผู้สูงอายุสามารถลดความเสี่ยงและป้องกันการพลัดตกหกล้มได้ มีคำแนะนำดังนี้
- ผู้สูงอายุควรออกกำลังกายแบบใช้แรงต้าน เช่น การยกลูกน้ำหนัก ขวดน้ำ การใช้ยางยืด ครั้งละ 30-50 นาที หรือไม่น้อยกว่า 150 นาทีต่อสัปดาห์ จะทำให้มีมวลกล้ามเนื้อเพิ่มขึ้น ส่งผลให้การทรงตัวดีขึ้น
- หลีกเลี่ยงการใช้ยาไม่จำเป็น
- ควรสวมเสื้อผ้าพอดีตัว ความยาวกางเกงไม่เลยข้อเท้า
- ควรใส่รองเท้าหุ้มส้นที่พื้นมีดอกยางไม่ลื่น
- ผู้ที่มีความบกพร่องในการเดินหรือการทรงตัว ควรใช้อุปกรณ์ช่วยเดิน เช่น โครงเหล็กช่วยเดิน ไม้เท้า
- ควรเลี่ยงการเดินขึ้น-ลงบันได
- แจ้งญาติหรือผู้ดูแลทุกครั้งที่ล้ม
ประการสำคัญ ผู้สูงอายุควรเข้ารับการตรวจประเมินความเสี่ยงต่อการพลัดตกหกล้มปีละ 1 ครั้ง โดยสามารถเข้ารับบริการที่สถานพยาบาลใกล้บ้านทุกแห่ง เพื่อทราบความเสี่ยงของตนเอง จะได้ป้องกันได้ตั้งแต่เนิ่นๆ