วันนี้ (21 เมษายน) อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานพิธีรับมอบวัคซีนป้องกันโควิดที่ได้รับบริจาคจากประเทศอินเดีย โดยมี สุจิตรา ทุไร เอกอัครราชทูตอินเดียประจำประเทศไทย เป็นผู้แทนส่งมอบ พร้อมด้วย นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข, นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ และผู้แทนสถานเอกอัครราชทูต 4 ประเทศ ได้แก่ ออสเตรเลีย อินเดีย ญี่ปุ่น และสหรัฐอเมริกา เข้าร่วมด้วย
อนุทินกล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ได้รับการประสานจากสถานเอกอัครราชทูตอินเดียประจำประเทศไทย ผ่านกระทรวงการต่างประเทศ เพื่อบริจาควัคซีนโควิดของบริษัท Covovax จำนวน 20,000 ขวด รวม 200,000 โดส มูลค่า 60 ล้านรูปี ภายใต้การสนับสนุนของจตุภาคีด้านความมั่นคง ซึ่งประกอบด้วยประเทศออสเตรเลีย อินเดีย ญี่ปุ่น และสหรัฐฯ เพื่อสนับสนุนและส่งเสริมระบบสาธารณสุขของประเทศไทย ในการเร่งรัดสร้างภูมิคุ้มกันให้แก่ประชาชนด้วยวัคซีน เพื่อลดผลกระทบจากวิกฤตโควิด
ทั้งนี้ วัคซีนดังกล่าวได้จัดส่งเข้ามาถึงประเทศไทยเมื่อวันที่ 18 เมษายนที่ผ่านมา กรมควบคุมโรคได้ดำเนินการตรวจรับวัคซีนเรียบร้อยแล้ว ขณะนี้กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์อยู่ระหว่างการตรวจรับรองรุ่นการผลิต เมื่อแล้วเสร็จจะดำเนินการกระจายและนำไปใช้ต่อไป
อนุทินกล่าวต่อไปว่า ขณะนี้ยังต้องรณรงค์เร่งรัดการฉีดวัคซีนป้องกันโควิดอย่างต่อเนื่อง ทั้งเข็มปกติและเข็มกระตุ้น โดยผู้ที่มีอายุ 12 ปีขึ้นไปที่ยังไม่เคยได้รับวัคซีนเข็มแรกมาก่อน สามารถเข้ารับการฉีดแบบวอล์กอินได้ ส่วนเด็กวัยเรียนอายุ 5-17 ปี ก็จะต้องเร่งรัดฉีดวัคซีนเพื่อรองรับการเปิดภาคเรียนที่ 1/2565 ซึ่งในกลุ่มอายุ 5-11 ปี จำนวน 5.1 ล้านคน เพิ่งฉีดเข็มแรกได้เพียง 49.5% และเข็ม 2 เพียง 4% จึงยังต้องเร่งให้มาฉีดทั้งเข็มแรกและเข็ม 2 ซึ่งจะดำเนินการฉีดวัคซีนผ่านระบบสถานศึกษา
ส่วนกลุ่มอายุ 12-17 ปี จำนวน 4.7 ล้านคน ฉีดเข็มแรกแล้ว 87% เข็ม 2 74.3% และเข็ม 3 ฉีดเพียง 1.6% โดย สธ. ขอให้ผู้ที่ยังไม่ได้มารับวัคซีนเข็มที่ 2 ตามนัด ให้เข้ามารับวัคซีนผ่านระบบสถานพยาบาล ส่วนการฉีดเข็มกระตุ้นจะฉีดผ่านระบบสถานศึกษา ซึ่งในช่วงเดือนพฤษภาคมนี้มีการเตรียมวัคซีนไว้รองรับการฉีดกว่า 7 ล้านโดส
ด้าน นพ.โอภาสกล่าวว่า วัคซีน Covovax เป็นวัคซีนชนิดโปรตีนซับยูนิต ซึ่งทั่วโลกยังมีการใช้วัคซีนชนิดนี้ไม่มาก คณะกรรมการวิชาการจึงมีความเห็นให้ใช้ตามฉลาก คือ ฉีด 2 เข็ม ห่างกัน 3 สัปดาห์ และแนะนำให้ฉีดในกลุ่มที่ยังไม่เคยรับวัคซีนมาก่อนหรือแพ้วัคซีนชนิดอื่น แต่ก็ขึ้นกับดุลยพินิจของแพทย์ ส่วนการใช้เป็นเข็มกระตุ้นยังต้องรอการศึกษา