วันนี้ (16 กันยายน) ที่สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข จังหวัดนนทบุรี นพ.สุระ วิเศษศักดิ์ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ภายหลังการหารือกับสมาคมพยาบาลแห่งประเทศไทย โดย อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้มอบหมายให้ เรวดี รัศมิทัต ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นผู้แทนรับหนังสือ เรื่อง การธำรงรักษาพยาบาลวิชาชีพจากสมาคมฯ ว่า ในช่วงสถานการณ์โควิด บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขทุกสายงานต้องทำงานหนัก อนุทินจึงได้มอบหมายให้ดำเนินการเรื่องการเพิ่มขวัญกำลังใจบุคลากรสาธารณสุขทุกวิชาชีพ โดยการเสนอขอตำแหน่งบรรจุข้าราชการโควิด 38,000 อัตรา รอบ 2 เพื่อบรรจุบุคลากรสาธารณสุขที่ปฏิบัติงานในภารกิจโควิด ในสังกัดทั้งส่วนกลางและภูมิภาค แบ่งเป็น 3 กลุ่ม คือ กลุ่มภารกิจหลัก ภารกิจสนับสนุนวิชาการ และภารกิจสนับสนุนบริหาร ขณะนี้ที่ประชุมคณะอนุกรรมการสามัญประจำกระทรวง (อ.ก.พ.) กระทรวงสาธารณสุข ได้เห็นชอบในหลักการแล้ว อยู่ระหว่างการตรวจสอบจำนวน คุณวุฒิ หลักเกณฑ์ ภารกิจที่ปฏิบัติงาน และการจ้างงานให้ตรงกัน คาดว่าจะแล้วเสร็จในสิ้นเดือนกันยายนนี้ จากนั้นจะเสนอ กพ. พิจารณาให้ความเห็นชอบ
นพ.สุระกล่าวต่อไปว่า ในส่วนการหารือกับสมาคมพยาบาลแห่งประเทศไทยนั้น ได้ชี้แจงทำความเข้าใจในเรื่องที่กระทรวงสาธารณสุขได้ดำเนินการเรื่องความก้าวหน้าและค่าตอบแทนต่างๆ ให้กับทั้งพยาบาลและวิชาชีพอื่นๆ ซึ่งทุกคนต่างทุ่มเททำงานในสถานการณ์โควิด แต่ด้วยกรอบอัตรากำลังที่กระทรวงการคลังกำหนดให้มีอัตราการจ้างงานได้ไม่เกิน 450,000 คน เนื่องจากมีภาระงานที่มากขึ้นและขาดแคลนแพทย์และพยาบาล จึงได้ดำเนินการเสนอขยายกรอบอัตรากำลังในปี 2566 และได้เสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) ขอค่าตอบแทนล่วงเวลาให้กับผู้ปฏิบัติงานดูแลผู้ป่วยเพิ่มเป็น 2 เท่า รวมทั้งการขอบรรจุพนักงานราชการกรณีพิเศษ 5,000 อัตรา ซึ่งในจำนวนนี้เป็นพยาบาลเกือบ 4,000 อัตรา แพทย์และนักวิชาการสาธารณสุข สาขาละ 500 คน เพื่อปฏิบัติหน้าที่ในช่วงโควิดระยะเวลา 1 ปี
นอกจากนี้จะผลักดันเรื่องความก้าวหน้าในสายงานให้พยาบาลสามารถเลื่อนระดับชำนาญการพิเศษได้โดยไม่ต้องยุบตำแหน่งอื่น