วันนี้ (25 กรกฎาคม) นพ.รุ่งเรือง กิจผาติ ที่ปรึกษาระดับกระทรวง และโฆษกกระทรวงสาธารณสุข แถลงข่าวประเด็น การบริหารจัดการวัคซีน Pfizer ว่ากระทรวงสาธารณสุข โดยคณะอนุกรรมการอำนวยการบริหารจัดการการให้วัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ได้ตั้งคณะทำงานด้านบริหารจัดการการให้บริการวัคซีนโควิด กรณีวัคซีน Pfizer ซึ่งมีผู้แทนและผู้ทรงคุณวุฒิจากทุกภาคส่วน ร่วมกันพิจารณาจัดสรรและกระจายวัคซีน Pfizer ให้กับกลุ่มเป้าหมายตามมติที่ประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด-19 (ศบค.)
โดยวัคซีน Pfizer ล็อตแรก จำนวน 1.54 ล้านโดสจะเข้ามาภายในเดือนกรกฎาคมนี้ เริ่มฉีดต้นเดือนสิงหาคม 2564 ในกลุ่มบุคลากรการแพทย์และสาธารณสุข/บุคลากรด่านหน้า ไม่น้อยกว่า 500,000 โดส ที่เหลือจัดสรรไปยังกลุ่มเสี่ยง พื้นที่เสี่ยงอื่นๆ และเพื่อควบคุมการระบาดในพื้นที่
นพ.รุ่งเรืองกล่าวต่อไปว่า กรณีข่าวการจัดสรรวัคซีน Pfizer ให้กับเจ้าหน้าที่สาธารณสุขด่านหน้าเหลือ 200,000 โดสนั้น ขอย้ำไม่เป็นความจริง การจัดสรรวัคซีน กระทรวงสาธารณสุขให้ความสำคัญของบุคลากรด้านการแพทย์และด่านหน้า เพื่อธำรงรักษาระบบสาธารณสุขของประเทศรับมือกับสถานการณ์การระบาดของโควิด บุคลากรด่านหน้าทุกคนต้องได้รับวัคซีนเข็มที่ 3 เพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกัน ซึ่งขณะนี้บุคลากรบางส่วนที่ฉีดวัคซีน Sinovac 2 เข็ม และฉีดเข็ม 3 เป็น AstraZeneca ผลการศึกษาพบว่ามีระดับภูมิคุ้มกันสูงมาก มากกว่าฉีดเข็ม 1 Sinovac เข็ม 2 AstraZeneca, AstraZeneca 2 เข็ม, Pfizer 2 เข็ม, Sinovac 2 เข็ม และสูงกว่าภูมิคุ้มกันหลังการติดเชื้อ
รวมทั้งไม่มีการบังคับให้ฉีดเข็มกระตุ้นเป็น AstraZeneca การฉีดเป็นไปตามความสมัครใจ ขณะนี้ได้ให้ทุกโรงพยาบาลสำรวจข้อมูลบุคลากรด่านหน้า และจะฉีดให้ตามที่ได้แจ้งไว้ สำหรับวัคซีน Pfizer อีกจำนวน 20 ล้านโดสจะเข้ามาในประเทศไทยและเริ่มฉีดได้ในช่วงเดือนตุลาคมถึงธันวาคม 2564 การจัดสรรจะอยู่ภายใต้การพิจารณาของคณะทำงานวัคซีน Pfizer และจะแจ้งให้ทราบต่อไป
“ขณะนี้มีการแอบอ้าง หลอกลวงเรื่องการฉีดวัคซีน Pfizer และเรียกเก็บเงิน ขอย้ำว่าวัคซีน Pfizer ทั้ง 21.54 ล้านโดสเป็นการฉีดฟรี ไม่มีการเรียกเก็บค่าใช้จ่าย กระทรวงสาธารณสุขจะดำเนินคดีกับผู้แอบอ้างถึงที่สุด ขอให้อย่าหลงเชื่อ และติดตามข้อมูลที่ถูกต้องจากกระทรวงสาธารณสุข” นพ.รุ่งเรืองกล่าว
นพ.รุ่งเรืองกล่าวอีกว่า สิ่งสำคัญที่จะช่วยให้เราผ่านพ้นสถานการณ์โควิดไปได้ คือความร่วมมือของประชาชนทุกคนและทุกภาคส่วน เข้มข้นมาตรการป้องกันโรค ขอเรียนว่าบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขทุกคนทำงานอย่างหนักมากเพื่อดูแลประชาชนอย่างดีที่สุด ทั้งทีมเชิงรุกสู่ชุมชน การบริหารจัดการเตียงรับผู้ป่วยอาการวิกฤตรุนแรง รวมทั้งปรับมาตรการดูแลผู้ป่วยที่บ้านและชุมชน