วันนี้ (7 มิถุนายน) นพ.วิชาญ ปาวัน ผู้อำนวยการกองโรคติดต่อทั่วไป กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงกรณีการกระจายวัคซีนโควิดจำนวน 16.8 ล้านโดส สำหรับโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) เพื่อเพิ่มความสะดวกในการเข้ารับบริการวัคซีนของประชาชน โดยระบุว่า ขณะนี้มีการสื่อสารที่ทำให้เข้าใจผิดว่าการจัดส่งวัคซีนโควิดไป รพ.สต. ทำให้เกิดปัญหาวัคซีนล้นตู้เย็น และให้ รพ.สต. เป็นถังขยะทิ้งวัคซีนนั้น ไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด พร้อมชี้แจงข้อเท็จจริงและรายละเอียด ดังนี้
- การจัดสรรวัคซีนโควิดให้แก่ รพ.สต. เป็นไปตามแผนการเร่งรัดการฉีดวัคซีนโควิดเข็มกระตุ้น ผ่านความเห็นชอบจากอีโอซี กระทรวงสาธารณสุข และ ศบค. เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2565 เพื่อให้ประชาชนเข้าถึงวัคซีนได้สะดวกและรวดเร็วยิ่งขึ้น กระตุ้นหน่วยบริการให้เร่งรัดฉีดวัคซีน เพิ่มความครอบคลุมของเข็มกระตุ้นในทุกกลุ่มเป้าหมายที่ครบกำหนด ซึ่งจะช่วยลดการป่วยรุนแรงและเสียชีวิต รวมถึงปกป้องระบบสาธารณสุขของประเทศ
- อีโอซี กระทรวงสาธารณสุข มีมติเห็นชอบให้แต่ละจังหวัดจัดทำแผนเร่งรัดการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นรายจังหวัด เพื่อให้ประชาชนเข้าถึงบริการและรับเข็มกระตุ้นตามเกณฑ์มากขึ้น โดยวิเคราะห์เป้าหมายและทำแผนปฏิบัติการรายอำเภอ
- การจัดสรรวัคซีนเป็นส่วนหนึ่งของการเตรียมความพร้อมรองรับระยะการเป็นโรคประจำถิ่นของโควิดในประเทศไทย ซึ่งกำหนดเป้าหมายการฉีดเข็มกระตุ้นอย่างน้อยร้อยละ 60 แต่ปัจจุบันมีเพียง 20 จังหวัดที่ฉีดเข็มกระตุ้นผ่านเกณฑ์ โดยปัจจัยหนึ่งที่ทำให้รับเข็มกระตุ้นน้อยคือ การเข้าถึงบริการ โดยเฉพาะผู้สูงอายุและผู้ที่อาศัยในพื้นที่ห่างไกล จึงมีนโยบายอำนวยความสะดวก โดยนำวัคซีนทุกชนิด ทุกสูตร ไปให้บริการที่ รพ.สต. ซึ่งใกล้บ้านและใกล้ชิดประชาชนมากที่สุด จัดบริการแบบ Walk-in ทุกจุด ไม่ต้องเสียเวลาเดินทางไกล
- แผนการจัดสรรวัคซีน 16.8 ล้านโดสสำหรับ รพ.สต. จะเป็นการทยอยส่งเป็นรอบๆ ไปที่คลังวัคซีนจังหวัด ขณะนี้มี 20 จังหวัดที่ได้รับครบตามโควตา โดยมีการประสานแจ้งแผนการจัดส่งให้หน่วยบริการทราบก่อนทุกครั้ง พร้อมตรวจสอบจำนวนวัคซีนคงคลังกับแต่ละจังหวัดก่อนส่งเสมอ โดยสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดจะกระจายวัคซีนต่อไปที่ รพ.สต. ตามศักยภาพการฉีดและความจุของตู้เย็นแต่ละ รพ.สต. ซึ่งหากยังไม่พร้อมก็สามารถปฏิเสธการรับวัคซีนตามโควตาได้ จึงไม่มีปัญหาเรื่องวัคซีนล้นตู้เย็น ส่วนการจัดเก็บและขนส่งวัคซีนเป็นไปตามมาตรฐานสากล เพื่อให้วัคซีนคงสภาพดีที่สุดและปลอดภัย ก่อนนำไปให้บริการแก่ประชาชน
- ระบบการเบิกและจัดการคลังวัคซีนในช่วงที่ผ่านมา ส่วนกลางกำหนดให้พื้นที่ตั้งเบิกตามจำนวนที่ต้องการเป็นรายสัปดาห์ ผ่านกลไกกองตรวจราชการ กระทรวงสาธารณสุข จึงไม่มีปัญหาขาดแคลนวัคซีนในพื้นที่ อย่างไรก็ตาม ช่วงที่ผ่านมาที่มีวันหยุดยาวหลายวัน จึงเกิดข้อร้องเรียนจากหลายจังหวัดว่า วัคซีนไปไม่ทันการฉีดในผู้ที่มีกำหนดนัด ซึ่งสะท้อนว่าบางจังหวัดไม่ได้สำรองวัคซีนสำหรับกรณีเหตุฉุกเฉิน แม้จะมีข้อสั่งการให้สำรองวัคซีนที่คลังจังหวัดอย่างน้อย 1 เดือน ดังนั้นเพื่อให้สอดคล้องกับแผนการเร่งฉีดวัคซีนแบบเชิงรุกทุกกลุ่มเป้าหมาย จึงเห็นควรให้พื้นที่มีคงคลังวัคซีนสำรอง เพื่อความสะดวกในการบริหารจัดการวัคซีนให้ประชาชนได้รับความสะดวกและเข้าถึงได้ง่าย
“แม้ภาพรวมทั้งประเทศจะฉีดวัคซีนเข็มแรกได้กว่า 81.7% แต่กลุ่มผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป 2 ล้านคน และเด็กอายุ 5-11 ปีอีก 2 ล้านคน ยังไม่ได้รับวัคซีนเข็มแรก ขณะที่บางพื้นที่หรือบางอำเภอฉีดวัคซีนเข็มแรกน้อยมาก บางอำเภอไม่ถึง 60% ส่วนเข็มกระตุ้นพบว่า ส่วนใหญ่ฉีดครบในอำเภอเมือง แต่อำเภอห่างไกลหรือชนบทฉีดเข็มกระตุ้นได้ค่อนข้างน้อย บางอำเภอฉีดเข็ม 3 ได้ไม่ถึง 10% ในแต่ละพื้นที่จึงควรวางแผนเร่งรัดให้ประชาชนในพื้นที่ตนเองได้รับวัคซีนตามเป้าหมาย ทั้งเข็มปกติและเข็มกระตุ้น
“การนำวัคซีนไป รพ.สต. ใกล้บ้านที่สุด จึงเป็นเรื่องที่ถูกต้อง ทำให้ประชาชนอยากฉีดเมื่อไรก็มาฉีดได้ และข้อมูลสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดหลายจังหวัดพบว่า การที่ รพ.สต. มีวัคซีนพร้อมใช้ ทำให้เจ้าหน้าที่บริหารจัดการวัคซีนได้ง่ายขึ้น ไม่ต้องรอวัคซีนที่ส่งมาจากคลังวัคซีนจังหวัด สามารถเปิดให้บริการแบบ Walk-in หรือรับนัดล่วงหน้าได้แบบไม่ต้องจำกัดจำนวน จัดบริการเชิงรุกให้สถานประกอบการหรือโรงงานที่มีผู้ต้องการฉีดวัคซีนจำนวนมากได้ โดยไม่ต้องรอการอนุมัติจากคลังวัคซีนจังหวัด” นพ.วิชาญ กล่าว