วันนี้ (24 ตุลาคม) นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ รักษาราชการแทนอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ได้รับรายงานพบผู้ป่วยโรคฝีดาษลิงรายใหม่ 1 ราย เป็นนักท่องเที่ยวเพศชาย อายุ 25 ปี สัญชาติโอมาน เดินทางมาถึงประเทศไทยวันที่ 3 ตุลาคม 2565 และบินตรงมาถึงภูเก็ตวันที่ 4 ตุลาคม 2565 โดยเดินทางมากับเพื่อน 4 คน
สอบถามข้อมูลเบื้องต้นที่อยู่ในจังหวัดภูเก็ต ผู้ป่วยมีประวัติไปเที่ยวสถานบันเทิง ไปร้านอาหารอาหรับ ปฏิเสธการมีเพศสัมพันธ์ ปฏิเสธเพศทางเลือก ต่อมาวันที่ 11 ตุลาคม 2565 เริ่มมีอาการไข้ ไอ ปวดศีรษะ มีตุ่มหนองขึ้นตามลำตัว อวัยวะเพศ ขา และหน้าอก
ต่อมาวันที่ 18 ตุลาคม 2565 เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลป่าตอง จังหวัดภูเก็ต และทางโรงพยาบาลได้เก็บตัวอย่างส่งตรวจเชื้อที่ห้องปฏิบัติการศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ที่ 11/1 จังหวัดภูเก็ต ผลตรวจพบสารพันธุกรรมของเชื้อ Monkeypox Virus ส่วนเพื่อนอีก 3 คน ไม่มีอาการ สำหรับปัจจัยเสี่ยงของการติดเชื้ออยู่ระหว่างการสอบสวนโรค
สำหรับสถานการณ์โรคฝีดาษลิงทั่วโลก ข้อมูล ณ วันที่ 20 ตุลาคม 2565 พบผู้ติดเชื้อโรคฝีดาษลิงยืนยัน จำนวน 75,345 ราย พื้นที่การระบาดส่วนใหญ่พบอยู่ในแถบทวีปยุโรป ประเทศที่มีผู้ป่วยสูง 5 ลำดับแรก ได้แก่
- สหรัฐอเมริกา 27,774 ราย
- บราซิล 8,778 ราย
- สเปน 7,277 ราย
- ฝรั่งเศส 4,084 ราย
- สหราชอาณาจักร 3,686 ราย
มีผู้เสียชีวิต 32 ราย
- ไนจีเรีย 7 ราย
- บราซิล 7 ราย
- กานา 4 ราย
- สหรัฐอเมริกา 4 ราย
- สเปน 2 ราย
- แคเมอรูน 2 ราย
- เบลเยียม 1 ราย
- เอกวาดอร์ 1 ราย
- อินเดีย 1 ราย
- ซูดาน 1 ราย
- คิวบา 1 ราย
- เช็กเกีย 1 ราย
นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวเพิ่มเติมว่า เรื่องที่ประชาชนยังเข้าใจผิดเกี่ยวกับวิธีป้องกันโรคฝีดาษลิง คือการใช้ถุงยางอนามัย แม้ถุงยางอนามัยจะป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้หลายโรค แต่ถุงยางอนามัยยังไม่สามารถป้องกันโรคฝีดาษลิงได้ เพราะการสัมผัสชิดเนื้อแนบเนื้อก็สามารถทำให้ติดเชื้อได้ การป้องกันจึงควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสแนบชิดกับผู้ที่มีอาการไข้ มีผื่น ตุ่มน้ำ ตุ่มหนองบริเวณร่างกาย
โดยงดการมีเพศสัมพันธ์หรือสัมผัสใกล้ชิดคนแปลกหน้าหรือไม่รู้ประวัติมาก่อน สวมหน้ากากอนามัยเมื่ออยู่ใกล้ชิดผู้อื่น หมั่นล้างมือบ่อยๆ ด้วยน้ำสบู่ หรือแอลกอฮอล์เจล ไม่ใช้ของใช้ส่วนตัวร่วมกับผู้อื่น รับประทานอาหารปรุงสุกสะอาด เลี่ยงการไปสถานที่แออัดหรือเดินทางไปประเทศที่มีการระบาดโรคฝีดาษลิง
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร. 1422