×

7 ข้อ ‘เรื่องเงิน’ ที่คนไทยมักผิดพลาด

05.08.2025
  • LOADING...
เงิน คนไทย

‘Failing to plan is planning to fail’ หนึ่งในประโยคที่เรามักจะได้ยินกันบ่อยครั้งเพื่อย้ำเตือนถึงความสำคัญของการวางแผน ซึ่งการวางแผนทางการเงินก็เป็นหนึ่งในนั้น เพราะหากเราขาดการวางแผนที่ดี ผลลัพธ์ในอนาคตก็มักจะออกมาในทางที่ไม่ดีนัก

 

“การวางแผนการเงินคือการออกแบบชีวิตว่าอยากได้ชีวิตแบบไหน แล้วการเงินจะช่วยเราได้อย่างไร แต่ภาวะเศรษฐกิจปัจจุบันที่ความไม่แน่นอนสูงมาก ทำให้หลายคนมองข้ามการวางแผนการเงิน และโฟกัสที่การหารายได้เพียงอย่างเดียว แต่ยิ่งมีความไม่แน่นอนสูง เราต้องยิ่งจริงจังกับการวางแผนการเงินมากขึ้น เพราะนี่คือส่วนที่เราควบคุมได้” ดร.ณชา อนันต์โชติกุล หัวหน้าฝ่ายพัฒนาผลิตภัณฑ์เงินฝาก ธนาคารเกียรตินาคินภัทร (KKP) กล่าวถึงความสำคัญของการวางแผนทางการเงินที่ยิ่งสำคัญมากขึ้นไปอีกในภาวะเศรษฐกิจไทยที่ไม่แน่นอนสูง

 

ดร.ณชา กล่าวต่อว่า หากมองย้อนกลับไปตลอด 20 ปีที่ผ่านมา ทั้งตลาดหุ้นไทยและเศรษฐกิจไทยเป็นขาลงมาตลอด อย่างหุ้นไทยช่วง 10 ปีแรกของ 20 ปีที่ผ่านมา โตเฉลี่ย 10-15% ต่อ 10 ปีล่าสุด โตเพียง 0-5% ซึ่งกระทบต่อชีวิตคนแน่นอน ขณะที่เศรษฐกิจขาลงก็ทำให้รายได้อาจจะไม่เท่าเดิม มีคนถูกเลิกจ้างมากขึ้น

 

1. ไม่วางแผนการเงิน และไม่รู้ว่าสำคัญ

 

Credit: Peter Cade / Getty Images

 

คนไทยในภาพรวมที่คิดวางแผนการเงินมีสัดส่วน 66% อาจไม่ได้น้อยมาก แต่ผู้ที่ทำได้ตามแผนมีเพียง 16% ขณะที่คนรุ่น Baby Boomer ซึ่งเป็นวัยเกษียณ ซึ่งควรจะทำตามแผนการเงินได้สำเร็จเป็นส่วนใหญ่ กลับมีเพียง 20% ที่ทำได้ตามแผน นอกจากนี้มีคนไทยเพียงแค่ 30% ที่มีเงินเพียงพอจะเกษียณ

 

2. วางแผนเกษียณตอนใกล้เกษียณ​

 

Credit: Nora Carol Photography / Getty Images

 

การเริ่มวางแผนเร็วได้เปรียบกว่ามาก เพราะเราจะมีเวลาค่อนข้างมากที่จะมีรายรับเข้ามาเพิ่มเติม หากเริ่มวางแผนเกษียณช่วงใกล้เกษียณ เราจะต้องเก็บเงินก้อนใหญ่มาก ในขณะที่รับความเสี่ยงได้น้อยลง

 

หนึ่งในตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือ การเก็บเงินเพื่อลงทุนเดือนละ 5,000 บาท ได้ผลตอบแทน 7% ต่อปี หากมีเวลา 30 ปี เงินก้อนนี้จะกลายเป็น 5.89 ล้านบาท แต่ถ้ามีเวลา 10 ปี เราจะมีเงินเพียง 8.7 แสนบาท

 

3. ไม่คำนึงถึงความไม่แน่นอนของรายได้

 

Credit: Tom Werner /Getty Images

 

ในภาวะที่เศรษฐกิจไม่แน่นอน หลายคนอาจยังคาดหวังว่าจะมีรายได้เท่าเดิมหรือเพิ่มขึ้นไปตลอด สิ่งที่ต้องระวังคือในอนาคตรายได้อาจลดลงได้จากเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด

 

4. มีหลักประกันไม่เพียงพอ

 

เงิน คนไทย

Credit: courtneyk / Getty Images

 

อีกส่วนที่หลายคนมองข้ามคือประกัน เมื่อประสบปัญหาสุขภาพอาจกระทบต่อเงินออม หรือแม้แต่แผนที่วางไว้ทั้งหมด ทำให้เราถูกบังคับให้ต้องนำเงินออมหรือเงินลงทุนไปใช้จ่ายแทน ประกันเป็นการลดความเสี่ยงที่โอกาสจะเกิดน้อย แต่หากเกิดขึ้นมาจะมีความเสียหายมาก ปัจจุบันคนไทยที่มีประกันชีวิตมีสัดส่วนไม่ถึง 40%

 

5. ไม่คำนึงถึงเงินเฟ้อ

 

Credit: Fly View Productions /Getty Images

 

เงินเฟ้อที่ว่านี้ไม่ใช่แค่ตัวเลขที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศในแต่ละไตรมาส แต่เป็นเงินเฟ้อที่อิงจากการใช้ชีวิตของแต่ละบุคคลด้วย อย่างกลุ่มที่ส่งลูกเรียนโรงเรียนนานาชาติ ค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นเฉลี่ยปีละ 5% หรือค่ารักษาพยาบาลโรงพยาบาลเอกชนที่เพิ่มขึ้นปีละ 8-9%

 

ถามว่าเงินเฟ้อส่งผลต่อเงินออมของเราอย่างไร สมมติว่าเราวางแผนจะมีเงินใช้จ่าย 30,000 บาทต่อเดือนไปอีก 25 ปี หลังจากเกษียณเมื่ออายุ 60 ปี ต้องมีเงินเก็บ 9 ล้านบาท แต่หากคำนวณเงินเฟ้อ 3% ต่อปีเข้าไปด้วย จะต้องมีเงินเก็บ 18.8 ล้านบาท

 

6. ไม่ลงทุนเลย

 

Credit: d3sign / Getty Images 

 

หลายคนมองว่าการไม่ลงทุนเท่ากับไม่เสี่ยง ซึ่งไม่จริง เพราะระยะยาวค่าครองชีพจะสูงขึ้นเรื่อยๆ ทำให้อำนาจการซื้อของเงินลดลง จึงต้องบริหารเงินเพื่อเอาชนะเงินเฟ้อให้ได้

 

7. ไม่กระจายความเสี่ยง

 

Credit: primeimages / Getty Images

 

บางส่วนอาจจะลงทุนแบบกระจุกตัวมากเกินไป หรือเสี่ยงมากเกินไป ทำให้แผนระยะยาวถูกกระทบเมื่อภาวะตลาดไม่เป็นใจ

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising