เรื่องราวส่วนใหญ่ที่เกี่ยวข้องกับจักรวาล MonsterVerse มักแสดงถึงความยิ่งใหญ่ของเหล่าไททัน โดยการทำให้มนุษย์ทุกคนกลายเป็นเพียงแค่สิ่งมีชีวิตตัวเล็กๆ เมื่อเทียบเคียงกับพลังอำนาจของพวกมัน แต่ดูเหมือนว่าซีรีส์ Monarch: Legacy of Monsters ซึ่งเป็นการร่วมมือกันระหว่าง Legendary Entertainment กับ Toho Studio จะไม่ได้คิดเช่นนั้น เพราะแกนหลักของเนื้อหาไม่ได้ขับเคลื่อนด้วยตัวของสัตว์ประหลาด แต่เป็นมนุษย์กับมนุษย์ ที่ในทางหนึ่งหลังจากผ่านมา 5 ตอน เรื่องราวของมันก็ช่วยขยับขยายให้เห็นถึงความเป็นมา และผลกระทบที่ตามหลอกหลอนพวกเขา
เมื่อซีรีส์เลือกที่จะเล่าเรื่องโดยย้ายไปมาระหว่าง 3 ช่วงเวลาที่ทอดยาวกว่าครึ่งศตวรรษ หนึ่งคือเหตุการณ์หลัง G-Day ที่ก็อดซิลล่ากับเหล่าไททันต่อสู้กันในเมืองซานฟรานซิสโก สองคือตอนที่พวกมันกำลังกอดรัดฟัดเหวี่ยงกันผ่านสายตาของ Cate Randa (Anna Sawai) ครูสาวที่เด็กนักเรียนของเธอตกเป็นเหยื่อลูกหลงในวันนั้น และสามคือช่วงที่ Dr.Keiko Miura (Mari Yamamoto), Bill Randa (Anders Holm) และ Lt. Lee Shaw (Wyatt Russell) ในวัยหนุ่มร่วมมือกันก่อตั้งองค์กรที่มีชื่อว่า Monarch
แต่ทั้งนี้ ศูนย์กลางของเรื่องก็ยังอยู่ที่ Cate Randa ซึ่งในปัจจุบันกำลังตามหา Hiroshi Randa (Takehiro Hira) พ่อที่หายสาบสูญไปอย่างเป็นปริศนาหลังจากเหตุการณ์ G-Day เธอเดินทางมาถึงญี่ปุ่นและได้พบกับ Kentaro Randa (Ren Watabe) น้องชายต่างแม่ที่ดูจะสับสนกับเรื่องที่เกิดขึ้นไม่ต่างจากเธอ ซึ่งทั้งสองมีความเกี่ยวข้องกันในแง่ของชีวิตและมรดก มากกว่าที่จะเกี่ยวข้องกับก็อดซิลล่าหรือคิงคองตามนัยของชื่อเรื่อง
เพราะสิ่งที่สองพี่น้องคู่นี้ต้องทำคือการกลับไปค้นหาอดีตเพื่อประกอบจิ๊กซอว์ว่า แท้จริงพ่อที่ดูเหมือนจะเสียชีวิตไปแล้วของพวกเขาอยู่ที่ไหน และคนเดียวที่อาจเป็นใบเบิกทางไปสู่ความจริงทั้งหมดก็คือ Lee Shaw (Kurt Russell) ในวัยชรา ผู้ที่เปรียบดั่งกุญแจสำคัญในการทำความเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างช่วงเวลาในตอนนั้นกับตอนนี้
ซีรีส์เชื่อมโยงอดีตสู่ปัจจุบันด้วยวิธีการที่ไม่ได้คำนึงถึงเส้นเวลา แต่เน้นขยายพื้นหลังของตัวละคร เพื่อทำให้เห็นถึงความเป็นมาและผลกระทบต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับชีวิตของพวกเขา ซึ่งด้านหนึ่งเกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ของมนุษย์และเหล่าไททันโดยตรง
เมื่อซีรีส์ฉายภาพเหตุการณ์ตอนที่ก็อดซิลล่ากำลังทำลายสะพานผ่านสายตาที่หวาดหวั่นของคนที่อยู่เบื้องล่าง หรือว่าง่ายๆ มันคือการเอาเหตุการณ์เดิมในหนัง Godzilla (2014) ของ Gareth Edwards มาขยายรายละเอียด โดยเปลี่ยนจากมุมของยักษ์ใหญ่มาเป็นมุมของคนที่ตกอยู่ในช่วงเวลาโกลาหลนั้นแทน ซึ่งอาการ PTSD ที่เกิดขึ้นกับตัวละคร ก็ทำให้เรื่องราวของจักรวาล MonsterVerse ดูมีมิติ และสามารถจับต้องได้จริงมากยิ่งขึ้น
ขณะเดียวกันซีรีส์ก็ตัดสลับกลับไปช่วงที่นักวิทยาศาสตร์และกองทัพได้พบกับมันเป็นครั้งแรก ซึ่งสิ่งที่พวกเขาทำก็สุดแสนจะบ่งบอกถึงการเป็นมนุษย์นั่นคือ การกำจัดอะไรก็ตามที่สร้างความหวาดกลัวให้ตัวเอง โดยปริยายทั้งสองเผ่าพันธ์ุจึงเป็นทั้งเหยื่อและภัยร้ายในเวลาเดียวกัน ขึ้นอยู่กับว่าเรื่องราวนั้นถูกถ่ายทอดออกมาจากมุมไหน
กระนั้น ท่ามกลางตัวละครหน้าใหม่เกือบทั้งหมด John Goodman กลับมารับบทนำของเขาอย่าง Bill Randa จาก Kong: Skull Island (2017) อีกครั้ง แม้การปรากฏตัวในปี 1973 จะให้ความรู้สึกเหมือนเป็นนักแสดงรับเชิญ แต่ด้วยการผูกโยงช่วงเวลาต่างๆ ก็ทำให้เรื่องราวของตัวละครนี้กลายเป็นสิ่งที่สร้างความน่าประหลาดใจได้อย่างง่ายดาย เมื่อซีรีส์ดำเนินไปพร้อมกับหลักฐานที่เขาทิ้งเอาไว้ให้กับคนรุ่นหลัง ซึ่งนัยหนึ่งมันทำให้ปริศนาลึกซึ้งขึ้นแทนที่จะไขปริศนาเหล่านั้น
ที่สำคัญ การเลือกนักแสดงพ่อลูกอย่าง Kurt Russell และ Wyatt Russell มาอยู่ในบทบาทเดียวกันแต่ต่างช่วงเวลา ก็กลายเป็นสิ่งที่โดดเด่นมากสำหรับซีรีส์ เพราะการนำ Russell ทั้งสองมาสวมบท Lee Shaw ตลอดหลายทศวรรษ ถือเป็นความคิดอันชาญฉลาดที่ถักทอเข้ากับการตัดต่อและการเขียนบทพอๆ กับการแสดง เมื่อคนเป็นพ่อที่ผมหงอกและมีอายุทำให้ไทม์ไลน์ในปัจจุบันของ Monarch มีชีวิตชีวาขึ้น ด้วยท่าทางที่มีเสน่ห์น่าดึงดูด ส่วนคนลูกที่มีอายุน้อยกว่าก็เลียนแบบสีหน้าและท่าทีที่ยียวนของพ่อได้อย่างสนุกสนาน
ถึงแม้การตัดต่อที่เฉียบคมจะเป็นส่วนสำคัญในการช่วยประคับประคองความต่อเนื่อง แต่การแสดงของพวกเขาก็เป็นสิ่งที่ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างช่วงเวลาสามารถไหลรวมกันเป็นเนื้อเดียวได้อย่างแนบเนียน พร้อมทั้งยังช่วยสร้างสีสันให้แก่การเดินทางไม่แพ้กับองค์ประกอบด้านอื่นๆ อีกด้วย
โดยรวมตลอด 5 ตอนของ Monarch: Legacy of Monsters จึงเป็นการจับจ้องไปยังกลุ่มตัวละครหลักที่มีอยู่เพียงไม่กี่คน เพื่อเฝ้ามองพัฒนาการของพวกเขาที่เริ่มเปลี่ยนไป พร้อมกับเรื่องราวที่ค่อยๆ เปิดเผยถึงภูมิหลังอันน่ากระอักกระอ่วน และเบาะแสของเหล่าไททันที่ตอนนี้อาจยังปรากฏตัวไม่มาก แต่ทุกครั้งที่ออกมาก็สร้างความประหวั่นพรั่นพรึงได้อย่างน่าประทับใจ
และทำให้การเล่าเรื่องที่ขับเคลื่อนด้วยตัวละครในจักรวาล MonsterVerse ของ Legendary แข็งแรงกว่าครั้งไหนๆ โดยเฉพาะเมื่อมันมีโครงสร้างที่เต็มไปด้วยความทะเยอทะยานและลึกลับ ซึ่งเป็นสิ่งที่ขอบเขตของภาพยนตร์ไม่เคยไปถึง
สามารถรับชม Monarch: Legacy of Monsters ได้ทาง Apple TV+
รับชมตัวอย่างได้ที่:
