วันนี้ (21 สิงหาคม) เมื่อเวลา 10.00 น. ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) สมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ตรวจเยี่ยมการทดลองทดสอบการผลิตฟ้าทะลายโจรแบบอัดเม็ดจากเครื่องปั๊มยาบ้าที่ยึดมาจากผู้ผลิต
สมศักดิ์กล่าวว่า วันนี้ ป.ป.ส. กำลังจะผลิตฟ้าทะลายโจรแบบอัดเม็ด โดยการกำกับดูแลโดยโรงพยาบาลราชทัณฑ์ ซึ่งวันนี้มีเจ้าหน้าที่ของกรมราชทัณฑ์มาช่วยให้คำแนะนำต่างๆ ให้เป็นไปตามกฎหมายด้วย ในส่วนของฟ้าทะลายโจรผงวันนี้ได้บริษัท กุยลิ้มฮึ้ง ปราชญา จำกัด บริษัทที่มีความชำนาญด้านสมุนไพรไทย-จีนมากว่า 100 ปี บริจาคฟ้าทะลายโจร 600 กิโลกรัม ซึ่งจะผลิตได้ถึง 1.5 ล้านเม็ด โดยในการดำเนินการวันนี้เป็นการเริ่มทดลองหลังซ่อมเครื่องจักรได้ หลังจากที่ช่างจากองค์การเภสัชกรรมมาซ่อมให้และเปลี่ยนหัวตอกใหม่ โดยเครื่องนี้เป็นเครื่องรูปแบบเดียวกับที่องค์การเภสัชกรรมใช้ ซึ่งเรายึดมาได้จากกลุ่มผู้ค้ายา โดยกลุ่มผู้ค้าได้นำไปแปลงหัวตอก เราจึงนำมาซ่อม ทำความสะอาด และเปลี่ยนไปเป็นหัวตอกเดิมสำหรับผลิตยา
สมศักดิ์กล่าวอีกว่า ส่วนที่มีคนกังวลถึงความสะอาด เพราะเคยผลิตยาบ้ามาก่อน ตรงนี้ไม่ต้องห่วง เราได้ทำความสะอาด ล้างทุกซอกทุกมุมอย่างดี และที่ตรงหัวตอกเราได้ถอดทิ้งไปทั้งหมด และมีการตรวจจากองค์การเภสัชกรรม ขอให้ทุกท่านสบายใจได้ โดยเมื่อผลิตเพื่อใช้กับผู้ต้องขังในเรือนจำแล้ว หากมีเหลือจะแจกจ่ายได้ตามกฎระเบียบของกฎหมาย
ส่วนเรื่องของวัตถุดิบ นอกจากทุกเรือนจำจะปลูกแล้ว ทาง ป.ป.ส. มีงานที่เกี่ยวข้องกับกองทุนแม่ของแผ่นดิน มี 24,455 หมู่บ้านทั่วประเทศเป็นหมู่บ้านพัฒนา โดยหาอาสาสมัครประมาณ 1,000 หมู่บ้าน และเตรียมเงินเพื่อสนับสนุนต้นกล้า 12 ล้านต้น ปลูกไร่ละ 12,000 ต้น เพื่อเป็นจุดเริ่มต้นของการปลูก จะเริ่มในวันที่ 23 สิงหาคม จะเก็บได้ช่วงเดือนธันวาคม ตนเชื่อว่าเมื่อเวลาผ่านไปเรื่อยๆ จะมีฟ้าทะลายโจรมากขึ้น ตนทำการบ้านตลอดเวลา เพราะมีเรือนจำติดเชื้อเรื่อยๆ แต่ให้ยาเร็ว ทำงานกันเร็ว ทำให้เชื้อไม่ลงปอด ลดการเสียชีวิตได้ ซึ่งหากประชาชนมีฟ้าทะลายโจรแล้วไม่มีที่ผลิต สามารถติดต่อ ป.ป.ส. และเรือนจำทั่วประเทศได้
เครื่องอัดเม็ดยาตัวนี้เป็นเครื่องสำหรับอัดยาเพื่อรักษาโรคที่ผู้ค้ายานำไปแปลงหัวเพื่อผลิตยาบ้า แต่ได้ซ่อมแซมทำความสะอาดเรียบร้อย ขอให้สบายใจได้ว่ามีมาตรฐาน ส่วนการผลิตยาในครั้งนี้จะดำเนินการตาม พ.ร.บ.ผลิตภัณฑ์พืชสมุนไพร 2562 ที่กำหนดการผลิต การซื้อนำเข้าส่งออก ต้องขออนุญาต อย. แต่ พ.ร.บ.พืชสมุนไพร 2562 มีข้อยกเว้นให้กับกระทรวง ทบวง กรม และสถาบันการศึกษา รวมทั้งหน่วยงานอื่นของรัฐ สามารถทำเพื่อรักษาโรคได้ แต่ต้องปรึกษากับ อย. ก่อน เพื่อให้ถูกต้อง