วานนี้ (23 พฤศจิกายน) สุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยถึงกรณี เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้มีข้อสั่งการให้กระทรวงมหาดไทยดำเนินการต่อยอดนโยบายการจัดระเบียบสังคม และปราบปรามผู้มีอิทธิพลให้ครอบคลุมประเด็นปัญหาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนมากยิ่งขึ้น
โดยเฉพาะปัญหาหนี้นอกระบบ และปัญหาหนี้สินรายย่อย ที่ต้องดำเนินการเชิงรุก ด้วยการบูรณาการความร่วมมือระหว่างเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองและเจ้าหน้าที่ตำรวจในระดับพื้นที่ เพื่อแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบ และการทวงถามหนี้โดยมิชอบด้วยกฎหมายเชิงรุกให้กับพี่น้องประชาชน
เริ่มลงทะเบียนรับความช่วยเหลือ 1 ธันวาคม 2566
สุทธิพงษ์กล่าวว่า เพื่อให้การแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบเป็นไปด้วยความเรียบร้อย มีประสิทธิภาพ สามารถแก้ไขปัญหาให้กับประชาชนหรือลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบจากหนี้นอกระบบได้ทันที ตนจึงสั่งการไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด และนายอำเภอทุกอำเภอ เร่งตั้ง ‘ศูนย์อำนวยการแก้ไขหนี้นอกระบบ’ ให้เสร็จ และให้รายงานกระทรวงมหาดไทยทราบทันที
พร้อมทั้งกำหนดให้มีการประชุมคณะกรรมการอำนวยการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบ ซึ่งมีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นผู้อำนวยการศูนย์ฯ เป็นประจำทุกสัปดาห์ หรือทุกเดือนตามที่เห็นสมควร และประชาสัมพันธ์ให้ลูกหนี้นอกระบบที่มีความประสงค์ขอรับการช่วยเหลือ หรือให้ทางราชการแก้ไขปัญหาลงทะเบียนขอรับความช่วยเหลือได้ตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2566 เป็นต้นไป
โดยสามารถลงทะเบียนด้วยตนเองที่เว็บไซต์ https://debt.dopa.go.th หรือสามารถเดินทางไปลงทะเบียนด้วยตนเอง กรณีอยู่ในพื้นที่อำเภอให้ลงทะเบียน ณ ที่ว่าการอำเภอ และหากอยู่ในกรุงเทพมหานคร ให้ลงทะเบียนที่สำนักงานเขตทุกแห่ง หรือผ่านช่องทางสายด่วนศูนย์ดำรงธรรม 1567 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง
จัดเจ้าหน้าที่รับคำปรึกษา-แก้ปัญหาทันที
ปลัดกระทรวงมหาดไทยยังได้สั่งการให้ศูนย์ดำรงธรรมอำเภอเร่งดำเนินการให้ความช่วยเหลือลูกหนี้นอกระบบ ที่ได้แจ้งเรื่องร้องเรียนไว้แล้วให้เสร็จสิ้นโดยเร็ว พร้อมทั้งมอบหมายเจ้าหน้าที่ประจำศูนย์อำนวยการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบ ในการรับลงทะเบียนลูกหนี้นอกระบบ และให้คำปรึกษาเรื่องหนี้นอกระบบ เพื่อสามารถแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนได้ทันที
นอกจากนี้ กระทรวงมหาดไทยได้กำหนดมาตรการเฝ้าระวัง/ป้องกัน โดยสั่งการให้อำเภอใช้กลไกการไกล่เกลี่ย และประนอมข้อพิพาททางแพ่งตามกฎหมายในการไกล่เกลี่ยหนี้นอกระบบ
เฝ้าระวังแก๊งทวงหนี้ผิดกฎหมาย
พร้อมทั้งกำชับกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และคณะกรรมการหมู่บ้าน (กม.) เฝ้าระวังสอดส่องบุคคลหรือกลุ่มบุคคลที่มีพฤติการณ์เป็นผู้กระทำความผิด เช่น นายทุนปล่อยเงินกู้นอกระบบ การทวงถามหนี้โดยการข่มขู่ ใช้ความรุนแรง ฯลฯ ให้รายงานศูนย์ดำรงธรรมอำเภอเพื่อดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ในส่วนที่เกี่ยวข้อง และประชาสัมพันธ์ให้ผู้ประกอบธุรกิจทวงถามหนี้ในพื้นที่ที่ยังไม่ได้จดทะเบียนการประกอบธุรกิจทวงถามหนี้ ได้จดทะเบียนการประกอบธุรกิจทวงถามหนี้ตามกฎหมายว่าด้วยการทวงถามหนี้ และในส่วนของมาตรการปราบปราม
ทั้งนี้ หากพบกลุ่มบุคคลที่มีพฤติการณ์เป็นนายทุนปล่อยเงินกู้นอกระบบ หรือการเรียกรับดอกเบี้ยเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด ให้ชุดปฏิบัติการพิเศษฝ่ายปกครองจังหวัด และชุดปฏิบัติการพิเศษฝ่ายปกครองอำเภอ ดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง พร้อมทั้งประสานการปฏิบัติกับทุกหน่วยงานในพื้นที่ดำเนินการปราบปรามผู้ที่กระทำผิดกฎหมาย ให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ รวดเร็ว และเป็นธรรม
แก้หนี้ แก้เครียด ป้องกันอาชญากรรม
สุทธิพงษ์กล่าวอีกว่า ปัญหาหนี้นอกระบบเป็นปัญหาที่เกี่ยวข้องกับปากท้องของประชาชนและมีความสำคัญ เพราะประชาชนที่ไปกู้หนี้ยืมสินล้วนแต่มีความจำเป็นต้องใช้เงินเพื่อดำรงชีวิตประจำวันหรือใช้ในเหตุจำเป็น ซึ่งมักจะมีผู้ไม่ประสงค์ดีใช้วิกฤตของคนอื่นมาเป็นเครื่องมือในการขูดรีดหรือข่มเหง ข่มขู่ ทำให้ประชาชนที่ต้องเผชิญกับความทุกข์ ความเครียด ความเดือดร้อนอยู่ก่อนแล้ว ต้องเพิ่มทวีความเครียดนั้นมากขึ้น หรือซ้ำร้ายบางคนถูกทำร้ายร่างกาย ถูกทารุณกรรม ถูกฆ่า ซึ่งถือเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย กระทรวงมหาดไทยจึงไม่ต้องการให้เกิดเหตุการณ์ในลักษณะนี้อีก
แก้หนี้นอกระบบ นโยบายรัฐบาลเศรษฐา
การแก้ปัญหาหนี้นอกระบบเป็นอีกหนึ่งนโยบายที่รัฐบาลเศรษฐาให้ความสำคัญ ก่อนหน้านี้ได้มีการลงนามในคำสั่งที่ 316/2566 แต่งตั้งคณะกรรมการกำกับการแก้ไขหนี้สินของประชาชนรายย่อย ที่กำลังเผชิญกับสถานการณ์หนี้สินที่รุนแรง โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากผลกระทบของสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด ทำให้หนี้สินของประชาชนรายย่อยเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งภาระหนี้สินที่อยู่ในระดับสูงดังกล่าวจะเป็นอุปสรรคต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจไทย รวมทั้งการดำเนินชีวิตและความเป็นอยู่ของประชาชนในระยะยาว
เพื่อให้การดำเนินการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาหนี้สินให้กับประชาชนรายย่อยเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ เป็นระบบ และเป็นธรรม อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 11 (6) แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2534 จึงแต่งตั้งคณะกรรมการกำกับการแก้ไขหนี้สินของประชาชนรายย่อยรวมทั้งสิ้น 26 คน โดยมี กิตติรัตน์ ณ ระนอง ประธานที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี เป็นประธานกรรมการ และมี พล.ต.อ. กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นรองประธานกรรมการ
นายกฯ เตรียมมอบนโยบายให้นายอำเภอทั่วประเทศ 8 ธันวาคมนี้
เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้กล่าวตอนหนึ่งถึงการกำจัดหนี้นอกระบบเมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน ระหว่างพบสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) พรรคเพื่อไทยว่า หนี้นอกระบบเป็นเรื่องใหญ่ เพราะได้ดูตัวเลขหลายตัวเลขพบว่าน่ากลัว ดังนั้นอยากให้ สส. นำออกไปปฏิบัติ และช่วยกันดูแลพูดคุยกับ ผู้กำกับใหม่ในพื้นที่ และนายอำเภอ ให้ช่วยกันติดตามผลงานในการดูแลประชาชนต่อไป โดยในวันที่ 8 ธันวาคม จะมีการประชุมร่วมกับผู้กำกับใหม่และนายอำเภอ ที่อิมแพ็ค อารีน่า เมืองทองธานี ซึ่งถือเป็นครั้งแรก โดยอาจมีการพูดคุยเรื่องหนี้นอกระบบด้วย
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีมีกำหนดการที่จะแถลงแนวทางแก้ปัญหาหนี้นอกระบบอย่างบูรณาการ ในวันที่ 28 พฤศจิกายน 2566 ส่วนในระบบมีกำหนดการที่จะแถลงในวันที่ 12 ธันวาคม 2566 เวลา 14.00 น.