กระทรวงพาณิชย์เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (เงินเฟ้อทั่วไป) เดือนเมษายน 2565 อยู่ที่ 4.65% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยสาเหตุหลักยังคงเป็นราคาสินค้าในกลุ่มพลังงานที่สูงขึ้น 32.43% โดยเฉพาะน้ำมันเชื้อเพลิงสูงขึ้น 21.07% และราคาสินค้าในกลุ่มอาหารสดที่ปรับเพิ่มขึ้น 4.83% ซึ่งส่วนหนึ่งเกิดจากสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย-ยูเครน และมาตรการคว่ำบาตรที่ส่งผลต่อห่วงโซ่อุปทานการผลิต การค้า และการขนส่ง ราคาสินค้าและบริการในประเทศจึงปรับสูงขึ้น และส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อเพิ่มขึ้นในที่สุด
อย่างไรก็ตามยังมีสินค้าที่จำเป็นหลายรายการ เช่น กลุ่มข้าว แป้ง และผลิตภัณฑ์จากแป้ง ผลไม้สด เครื่องนุ่งห่มและรองเท้า และค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการศึกษาที่ราคายังปรับลดลง
ด้านดัชนีราคาผู้ผลิตเดือนเมษายน 2565 สูงขึ้น 12.8% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนตามต้นทุนการผลิต วัตถุดิบ ค่าขนส่ง และเงินบาทที่อ่อนค่าลง โดยเฉพาะสินค้าในกลุ่มปิโตรเลียมและก๊าซธรรมชาติและสินค้าที่เกี่ยวเนื่อง รวมถึงผลิตภัณฑ์อาหารและสินค้าเกษตรสำคัญ จากอุปทานที่มีความตึงตัว ขณะที่ความต้องการมีอย่างต่อเนื่อง
ขณะที่ดัชนีราคาวัสดุก่อสร้างสูงขึ้น 8.8% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยสูงขึ้นในทุกหมวดสินค้าตามต้นทุนการผลิตและวัตถุดิบ ทั้งราคาน้ำมัน เหล็ก ถ่านหิน และอะลูมิเนียม ที่ปรับสูงขึ้นตามราคาตลาดโลก ประกอบกับการลดกำลังการผลิตของกลุ่มประเทศผู้ผลิต ส่งผลให้สินค้าขาดแคลน
ส่วนดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคโดยรวมปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 45.7 เทียบกับระดับ 43.8 ในเดือนก่อนหน้า เป็นผลจากเศรษฐกิจภายในประเทศได้รับแรงสนับสนุนจากการส่งออกที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง และภาคการท่องเที่ยวมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น
สำหรับแนวโน้มอัตราเงินเฟ้อเดือนพฤษภาคม 2565 มีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่องจากราคาน้ำมันที่ยังคงอยู่ในระดับสูง เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน ประกอบกับมาตรการตรึงราคาและการปรับลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลได้สิ้นสุดลงในเดือนเมษายนและปลายเดือนพฤษภาคมนี้ และการปรับราคาสูงขึ้นแบบขั้นบันไดของก๊าซหุงต้ม หรือ LPG ในเดือนเมษายน-พฤษภาคม 2565 รวมทั้งสินค้าอุปโภคบริโภค โดยเฉพาะอาหารสดและอาหารสำเร็จรูปยังมีแนวโน้มปรับสูงขึ้นตามต้นทุนการผลิตและวัตถุดิบ
นอกจากนี้ราคาพลังงานและสินค้าโภคภัณฑ์โลก มาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐฯ และพันธมิตร และการแพร่ระบาดของโควิด รวมถึงความไม่แน่นอนของสภาพอากาศ ยังคงเป็นปัจจัยที่จะส่งผลให้เงินเฟ้อของประเทศสูงขึ้นได้ในระยะต่อไป ซึ่งจะต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด
ทั้งนี้กระทรวงพาณิชย์คาดการณ์ว่าเงินเฟ้อทั่วไปของไทยปี 2565 จะเคลื่อนไหวในกรอบ 4.0-5.0% (ค่ากลางอยู่ที่ 4.5%) ซึ่งเป็นระดับที่เหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบัน และหากสถานการณ์เปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญจะมีการทบทวนอีกครั้ง
ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH
Twitter: twitter.com/standard_wealth
Instagram: instagram.com/thestandardwealth
Official Line: https://lin.ee/xfPbXUP