วันนี้ (10 ตุลาคม) ไกลก้อง ไวทยการ กรรมการบริหารคณะก้าวหน้า และผู้เปิดแคมเปญ ‘กสทช. ต้องทำระบบข้อความเตือนภัย น้ำท่วม สารเคมีรั่ว และภัยพิบัติ’ ทางเว็บไซต์ http://change.org/EmergencySMS เข้ายื่นหนังสือรวบรวมรายชื่อประชาชนกว่า 2,000 ชื่อจากแคมเปญดังกล่าว และข้อเรียกร้องต่อคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เพื่อขอให้ดำเนินการเชื่อมข้อมูลระหว่างหน่วยงานที่มีฐานข้อมูลภัยพิบัติกับผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ เพื่อจัดทำระบบข้อความสั้นแจ้งเตือนประชาชนผู้ใช้บริการที่อยู่ในเขตภัยพิบัติ
ไกลก้องระบุว่า การมายื่นหนังสือในครั้งนี้ก็เพื่อนำเสนอกับ กสทช. ว่าในฐานะที่ กสทช. เป็นองค์กรกำกับดูแลเรื่องโทรคมนาคม โดยเฉพาะผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ สามารถเป็นตัวกลางประสานงานร่วมกับบริษัทผู้ให้บริการและหน่วยงานที่มีหน้าที่เกี่ยวกับภัยพิบัติ ในการทำระบบข้อความสั้นในรูปแบบ Cell Broadcast ซึ่งเรื่องนี้ไม่ได้เป็นการยากสำหรับทั้ง กสทช. และบริษัทผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ เพราะเป็นระบบที่มีเทคโนโลยีอยู่แล้วในปัจจุบัน โดยที่ผู้ให้บริการแทบจะไม่ต้องมีต้นทุนอะไรเพิ่ม แต่จะได้ประโยชน์ต่อสาธารณะอย่างมหาศาล
เนื่องจากระบบการเตือนภัยในปัจจุบันยังคงมุ่งเน้นไปที่ระบบแบบดั้งเดิมเป็นส่วนใหญ่ เช่น การชักธงแดงขึ้นเมื่อน้ำจะล้นตลิ่ง หรือการประกาศผ่านหอกระจายข่าวตามชุมชน รวมถึงการเตือนภัยทั้งแบบเป็นทางการและไม่เป็นทางการผ่านโซเชียลมีเดีย ก็มีลักษณะที่กระจัดกระจาย และแม้จะมีการแจ้งเตือนภัยผ่าน SMS บ้างแล้วในปัจจุบัน เช่น ในกรณีเมื่อพายุโนรูเข้าไทยล่าสุด แต่ข้อความที่ได้รับส่วนมากเป็นข้อความที่ไม่เฉพาะเจาะจง ไม่มีการระบุว่าพื้นที่ใดที่เสี่ยงภัยน้อยหรือเสี่ยงภัยมาก พื้นที่ใดต้องเก็บของขึ้นที่สูงหรือไม่ต้อง พื้นที่ใดต้องอพยพบ้าง ฯลฯ แต่เป็นเพียงการแจ้งเตือนโดยทั่วไปเท่านั้น
ไกลก้องยังระบุด้วยว่า ระบบเตือนภัยที่มีการใช้ในหลายประเทศ คือข้อความสั้นที่เป็นลักษณะเฉพาะเจาะจงแบบ Cell Broadcast ที่สามารถจำกัดวงการเตือนภัยให้มีความเฉพาะเจาะจงขึ้นมากกว่าการแจ้งเตือนแบบทั่วไป เช่น จากกรณีพายุโนรูล่าสุด เมื่อระดับน้ำในแม่น้ำปิงกำลังจะล้นตลิ่งแบบที่ผ่านมา หากมีการแจ้งเตือนแบบเฉพาะเจาะจงด้วย Cell Broadcast ในพื้นที่เชียงใหม่ แทนที่จะเป็นการส่ง SMS แบบข้อมูลทั่วไปในพื้นที่กว้างๆ หลายจังหวัด จะเป็นประโยชน์แก่ประชาชนมากกว่าในการรับมือที่แตกต่างกันไปในแต่ละพื้นที่
“ปัจจุบันภัยพิบัติมีความหลากหลายมากขึ้นและเกิดบ่อยครั้งขึ้น ตั้งแต่น้ำท่วมที่เราเผชิญทุกปี หรือภัยที่เกิดจากมนุษย์อย่างกรณีสารเคมีรั่วไหล หรือระเบิดที่สมุทรปราการและนครปฐม หรือกระทั่งเหตุการณ์การกราดยิงล่าสุดที่หนองบัวลำภู ดังนั้น การมีระบบเตือนภัยที่รวดเร็ว ให้ข้อมูลประชาชนได้ทั้งในวงกว้างและมีแบบจำกัดวง เชื่อถือได้ จึงมีความสำคัญอย่างมาก ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องคือ กสทช. กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) และศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ สามารถทำระบบนี้ร่วมกันไดั” ไกลก้องกล่าว
ด้าน สุทธิศักดิ์ ตันตะโยธิน รองเลขาธิการ กสทช. ได้เป็นตัวแทนของหน่วยงานในการรับหนังสือจากแคมเปญดังกล่าว พร้อมระบุว่า กสทช. มีความพร้อมที่จะดำเนินการในเรื่องนี้ และที่ผ่านมาก็ได้พูดคุยกันระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องบ้างแล้ว โดยมี กสทช. เป็นเจ้าภาพร่วมกับ ปภ. กรมอุตุนิยมวิทยา และกระทรวงมหาดไทย ในการประสานงานกับผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ อีกทั้งในทางเทคโนโลยีก็เป็นเรื่องที่ทำได้ อาจจะมีอุปสรรคอยู่บ้างจากการที่ผู้ประกอบการบางรายไม่ได้มีฟีเจอร์และฮาร์ดแวร์ที่จำเป็นในการทำระบบ Cell Broadcast ทำให้ยังต้องรอการอัปเกรดบางส่วน แต่ก็คาดว่าจะมีความคืบหน้าให้เห็นได้ภายในกรอบเวลา 2 เดือนจากนี้