หลังการเสียชีวิตของวาฬนำร่องครีบสั้น ซึ่งสำรอกเอาถุงพลาสติกออกมาหลายถุงก่อนสิ้นใจ และในเวลาต่อมาตรวจพบว่าในกระเพาะและทางเดินอาหารยังมีถุงพลาสติกอัดแน่นอยู่ถึง 80 ถุง ได้ปลุกกระแสให้คนไทยและหน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน ออกมาให้ความสนใจในการใช้ ‘พลาสติก’ เป็นภาชนะบรรจุผลิตภัณฑ์
.
ล่าสุด กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เตรียมเลิกใช้ถุงพลาสติกและโฟมในพื้นที่อุทยานแห่งชาติและสวนสัตว์ทั่วประเทศ โดยในเบื้องต้นจะประชาสัมพันธ์ก่อนประมาณ 1-2 เดือน
พลเอก สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เปิดเผยต่อสื่อมวลชนว่า ได้ให้กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เร่งสำรวจและวางแผนเตรียมประกาศเลิกใช้ถุงพลาสติกและโฟมในพื้นที่อุทยานแห่งชาติทั่วประเทศ 154 แห่ง เพื่อกำหนดวันที่เหมาะสมและพร้อมประกาศเลิกใช้อย่างเป็นทางการ ครอบคลุมถึงเลิกใช้ถุงพลาสติกและโฟมในสวนสัตว์ทั่วประเทศ 7 แห่ง
โดยในเบื้องต้นจะรณรงค์และประชาสัมพันธ์ให้กับผู้ประกอบการ ประชาชนในพื้นที่ และนักท่องเที่ยวให้เข้าใจมาตรการของประเทศประมาณ 1-2 เดือน ก่อนที่จะประกาศเลิกใช้อย่างจริงจัง ถือเป็นการลดปัญหาขยะตกค้างและขยะทะเลได้จำนวนมาก หลังประเทศไทยใช้พลาสติกหูหิ้วมากถึง 45,000 ล้านชิ้นต่อปี
ส่วนใหญ่เป็นพลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวแล้วทิ้งที่นิยมใช้กันมากในปัจจุบันแล้วมีผลกระทบต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อม เช่น ถุงพลาสติก จานและแก้วพลาสติก ช้อนส้อมพลาสติก หลอดเครื่องดื่มและที่คนกาแฟ ก้นกรองบุหรี่ ขวดและฝาขวดน้ำดื่ม ก้านไม้พันสำลี ถุงหรือกระเป๋า บรรจุภัณฑ์ห่อขนมขบเคี้ยว ผลิตภัณฑ์บรรจุอาหาร ถ้วยพลาสติกและฝาถ้วย ซึ่งพลาสติกดังกล่าวส่วนใหญ่ผลิตจากปิโตรเลียมและจะกลายเป็นขยะในทะเล บางส่วนอาจแตกสลายเป็นเศษพลาสติกชิ้นเล็กที่เล็กกว่า 5 มิลลิเมตร หรือไมโครพลาสติก แล้วปนเปื้อนอยู่ในน้ำและอากาศ ส่งผลกระทบต่อสุขภาพหากเข้าสู่ร่างกาย
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวย้ำว่า ภาคอุตสาหกรรมพลาสติกของไทยต้องเร่งปรับตัวให้สอดคล้องกับแนวโน้มการบริโภคที่ต้องเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะสินค้าและบรรจุภัณฑ์ต้องมีคุณสมบัติที่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่หรือรีไซเคิลได้ หรือเลือกใช้วัตถุดิบทางเลือกจากธรรมชาติอย่างพลาสติกชีวภาพมากยิ่งขึ้น เนื่องจากทั่วโลกให้ความสำคัญกับการลดใช้สินค้าหรือบรรจุภัณฑ์ที่ผลิตจากพลาสติกมากขึ้น