คลังรับ เศรษฐกิจไทยปีนี้ติดลบ เตรียมแถลงร่วมกับ สศช. และ สศค. วันที่ 18 พฤษภาคมนี้ ฟากสมคิดสั่งตั้งกองทุนอุ้มผู้ประกอบการรายเล็ก วงเงินไม่เกิน 1 แสนล้านบาท ยันเงินกู้ 1 ล้านล้านบาทเพียงพอพยุงเศรษฐกิจจากโควิด-19
สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมการทบทวนภาวะเศรษฐกิจร่วมกับกระทรวงการคลังในวันนี้ โดย อุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้เปิดเผยในที่ประชุมว่าตัวเลขเศรษฐกิจในปี 2563 จะติดลบแน่นอน แต่จะมากน้อยเพียงใดขอให้ติดตามการประกาศตัวเลขอย่างเป็นทางการในวันที่ 18 พฤษภาคมนี้ ซึ่งจะเป็นการแถลงร่วมกันเป็นครั้งแรกระหว่าง สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) กับสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.)
ทั้งนี้ยังบอกไม่ได้ว่าไตรมาส 3-4 ของปีนี้ เศรษฐกิจจะมีปัจจัยบวกที่ดีหรือไม่ แต่หากสถานการณ์โควิด-19 ดีขึ้น การค้าต่างๆ กลับเข้าสู่ภาวะปกติ น่าจะเป็นปัจจัยบวกกับการขยายตัวทางเศรษฐกิจไทย
ขณะที่สมคิดเปิดเผยว่าได้หารือร่วมกับสำนักงบประมาณ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และธนาคารแห่งประเทศไทย โดยได้มอบหมายให้สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ปลัดกระทรวงการคลัง จัดตั้งกองทุนเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการรายเล็กที่ไม่สามารถเข้าถึงแหล่งเงินกู้จากสถาบันการเงินได้ โดยจะต้องได้ข้อสรุปโดยเร็ว
ขณะที่แนวทางการช่วยเหลืออุตสาหกรรมบางประเภทที่พยายามดูแลพนักงาน รักษาการจ้างงานไว้ แต่ได้รับผลกระทบ จะต้องเร่งหาข้อสรุปว่าจะช่วยเหลือกลุ่มผู้ประกอบการดังกล่าวได้อย่างไรบ้าง โดยจะต้องได้ข้อสรุปภายในวันที่ 19 พฤษภาคมนี้
ด้านความคืบหน้าของโครงการที่จะเข้าสู่กระบวนการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองโครงการใช้เงินกู้จาก พ.ร.ก. กู้เงิน 1 ล้านล้านบาทนั้น ได้ให้สื่อสารกับทุกฝ่ายและเตรียมรายละเอียดให้พร้อม เช่น การเสนอโครงการช่วยการจ้างงาน การสร้างรายได้ให้ท้องถิ่น เพราะข้างหน้าคนตกงานค่อนข้างเยอะ จะทำโครงการอะไรบ้าง โดยเสนอแนะให้กระทรวงทั้งหลายนำเสนอโครงการให้เร็ว โดยมอบหมายให้เลขาธิการสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเป็นผู้ดูแล เนื่องจากไม่เกี่ยวข้องกับกระทรวง
อุตตมกล่าวเพิ่มเติมว่า การช่วยเหลือผู้ประกอบการรายย่อยเป็นกลุ่มเพิ่มเติมเพื่อให้ครอบคลุมแนวทางการช่วยเหลือในกลุ่มต่างๆ ที่ผ่านมา ซึ่งได้รับความช่วยเหลือไปแล้ว 35-36 ล้านคนจากกลุ่มประกันสังคม กลุ่มผู้มีอาชีพอิสระ และกลุ่มเกษตรกร โดยให้สำนักงานเศรษฐกิจการคลังไปพิจารณาถึงแนวทาง เงื่อนไข และขั้นตอนในการช่วยเหลือดังกล่าว
สำหรับการจัดตั้งกองทุนช่วยเหลือผู้ประกอบการรายเล็ก คาดว่าวงเงินกองทุนจะไม่เกิน 1 แสนล้านบาท ซึ่งจะใช้งบจาก พ.ร.ก. กู้เงินในส่วน 4 แสนล้านบาท
ส่วนการช่วยเหลือผู้ประกอบการให้รักษาจำนวนพนักงานและการจ้างงาน คาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในสิ้นเดือนพฤษภาคมนี้ ซึ่งการช่วยเหลือดังกล่าวจะรวมถึงผู้ประกอบการ 8 สายการบินที่เสนอแนวทางมา รวมถึงอุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยวด้วย
“สายการบินเราก็ต้องดูแลเช่นเดียวกับธุรกิจอื่น แต่เงื่อนไขและแนวทางในการช่วยเหลืออย่างไรต้องรอให้ศึกษาให้แล้วเสร็จก่อน ซึ่งเราต้องหารือพร้อมกับสถาบันการเงินด้วยว่ารูปแบบอย่างไรจึงจะเหมาะสม” อุตตมกล่าว
ส่วนข้อเสนอของ ธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานอาวุโส เครือเจริญโภคภัณฑ์ ให้กู้เงินเพิ่มเป็น 3 ล้านล้านบาท เพราะเกรงว่า 1 ล้านล้านบาทจะไม่เพียงพอต่อการช่วยเหลือประชาชนในภาวะวิกฤตนั้น อุตตมระบุว่าเป็นเพียงข้อเสนอของธนินทร์เท่านั้น แต่ขณะนี้ยังเชื่อว่าวงเงินกู้ 1 ล้านล้านบาทยังเพียงพอต่อการแก้ไขปัญหา
นอกจากนี้อุตตมยังกล่าวถึงกระแสการลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐและตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคลัง ยืนยันว่ายังไม่ได้ลาออก ทุกอย่างยังเหมือนเดิม และทำหน้าที่ตามปกติ ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง รวมถึงไม่ได้รับแรงกดดันจากทางพรรคการเมืองให้ลาออกจากตำแหน่งแต่อย่างใด ดังนั้นจึงมั่นใจว่ากระแสที่ออกมาจะไม่กระทบต่อการบริหารเศรษฐกิจอย่างแน่นอน
“ข่าวก็คือข่าว ทุกอย่างทำงานเหมือนเดิม ตอนนี้เรื่องใหญ่ที่สุดคือการแก้ไขปัญหาบ้านเมือง โดยเฉพาะเรื่องการเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ที่ทุกภาคส่วนกำลังพิจารณาดูภาพไปข้างหน้าว่าจะบริหารจัดการอย่างไร เพราะฉะนั้นเราไม่มีเวลามาคิดเรื่องนี้ และยืนยันว่ายังทำหน้าที่เต็มที่” อุตตมกล่าว
อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่ากระแสความวุ่นวายในพรรคพลังประชารัฐถือเป็นเรื่องเสถียรภาพทางการเมืองที่มีผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของประชาชน ซึ่งหากรวมกับสถานการณ์โควิด-19 ที่เกิดขึ้นก็จะกระทบเศรษฐกิจมากขึ้น แต่ยืนยันว่ารัฐบาลให้ความสำคัญในการดูแลประชาชนที่ได้รับผลกระทบเต็มที่
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์
รายงาน: ภัทราภรณ์ เกียรตินันท์
เรียบเรียง: สุรเมธี มณีสุโข
ติดตามข่าวสารการลงทุนเพิ่มเติมได้ที่: www.efinancethai.com
ห้ามพลาด! ฟอรัมที่เจาะลึก New Normal ที่ใหญ่ที่สุดในเมืองไทย จากวิทยากรระดับประเทศ 40 คน ซื้อบัตรงาน THE STANDARD ECONOMIC FORUM ที่ https://www.eventpop.me/e/8705-economic-forum