วันนี้ (7 กุมภาพันธ์) จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า ทางกระทรวงพาณิชย์ลงพื้นที่ ณ กรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา ร่วมเป็นสักขีพยานการลงนาม MOU หรือข้อตกลงระหว่างผู้ประกอบการไทยและกัมพูชาจำนวน 3 ฉบับ มูลค่า 7 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 210 ล้านบาท)
ทั้งนี้จากการพูดคุยรับฟังปัญหาจากภาคเอกชน ผ่านการพูดคุยกับ 19 บริษัทที่ทำธุรกิจในกัมพูชา (เช่น การบินไทย Makro ฯลฯ) แม้ว่าปัจจุบันประเทศไทยจะเกินดุลการค้ากับกัมพูชา แต่ยังมีอุปสรรคใหญ่ที่ต้องเร่งแก้ไขคือปัญหาการปลอมสินค้าและละเมิดลิขสิทธิ์สินค้าไทย
เบื้องต้นกระทรวงพาณิชย์และกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ แนะนำให้ผู้ที่ได้รับความเสียหายแจ้งกรมทรัพย์สินทางปัญญาทั้งฝั่งกัมพูชาและไทย เพื่อแก้ไขปัญหาในอนาคต
“เรามองว่าตลาดกัมพูชามีศักยภาพ ตอนนี้ไทยมีการค้าเป็นอันดับที่ 5-6 ของไทยเมื่อเทียบกับกลุ่มอาเซียน ทำให้กัมพูชาเป็นประเทศเป้าหมายทางการค้าที่กระทรวงพาณิชย์มีนโยบายต่างๆ เพื่อสนับสนุน SME ไทยในการบุกตลาด CLMV ให้มากกว่าปัจจุบัน” จุรินทร์กล่าว
นอกจากนี้ภายในการประชุมหารือร่วมกับ 19 ผู้ประกอบการไทยในกัมพูชาพบว่าปัญหาในการทำธุรกิจยังมีหลายด้าน ได้แก่
- ค่าเงินบาทที่ผันผวน ส่งผลกระทบต่อยอดขายสินค้าไทยลดลง ส่วนหนึ่งเพราะต้นทุนสินค้าไทยสูงกว่าสินค้าคู่แข่งในตลาดกัมพูชา
- สินค้าปลอม ผู้ประกอบการพบสินค้าไทยที่ถูกปลอมแปลง ทั้งในรูปแบบการผลิตสินค้าเลียนแบบและละเมิดลิขสิทธิ์ทางปัญญา
- สินค้าไทยจาก SME ยังไม่เป็นที่รู้จักในตลาด ผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดเล็กที่เข้ามาทำธุรกิจในกัมพูชา ยังไม่สามารถทำตลาดได้มากนักเพราะคนกัมพูชายังไม่คุ้นเคยกับแบรนด์ใหม่ๆ จาก SME ไทย
ทั้งนี้กระทรวงพาณิชย์มีแนวทางนโยบายการขยายงานและส่งเสริมผู้ประกอบการ SME ในไทย ผ่านการเพิ่มช่องทางและขยายช่องทางการส่งออกในตลาดใหม่ๆ ให้ผู้ประกอบการและ SME สามารถขยายธุรกิจในกัมพูชา โดยให้บริษัทที่มีธุรกิจอยู่เดิมช่วยพา SME รายใหม่ๆ เข้าสู่กัมพูชา เช่น ร้านสะดวกซื้อ Jiffy ในปั้ม ปตท. ที่กัมพูชาจะทดลองเปิด ‘มุมไทย’ ชั้นวางของส่วนหนึ่งในร้านที่จะวางขายสินค้าจาก SME ไทย
ขณะเดียวกันสนับสนุนการเพิ่มมูลค่าการส่งออกสินค้าด้วยแบรนด์ ล่าสุด ทางกระทรวงพาณิชย์สนับสนุนงาน ‘Top Thai Brand’ ศูนย์แสดงสินค้าเกาะเพชร ประเทศกัมพูชา เพื่อเป็นช่องทางในการเจรจาธุรกิจเพื่อหาตัวแทนจำหน่าย และการขายปลีกเพื่อให้ได้รับทราบถึงแนวโน้มความต้องการของตลาด
ทั้งนี้คาดว่าจะมีผู้เข้าเยี่ยมชมงานกว่า 100,000 คน คาดว่างาน Top Thai Brand ที่จัดในวันที่ 6-9 กุมภาพันธ์ 2563 จะสร้างรายได้เข้าประเทศไทยมูลค่ากว่า 300 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม ปี 2562 มูลค่าการค้าระหว่างไทย-กัมพูชาอยู่ที่ 282,480 ล้านบาท โดยเป็นส่วนประเทศไทยส่งออกมูลค่า 214,320 ล้านบาท ทั้งนี้คาดว่าปี 2563 มูลค่าการค้าจากไทยจะสูงขึ้นต่อเนื่อง
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า