ชาวฝรั่งเศสจากม็อบเสื้อกั๊กเหลืองราว 50,000 คน นัดชุมนุมเดินขบวนประท้วงรัฐบาลตามเมืองสำคัญทั่วประเทศเมื่อวานนี้ (5 ม.ค.) เพื่อกดดันให้ ประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง ลาออกจากตำแหน่ง ขณะที่ในกรุงปารีสมีผู้ชุมนุมมากถึง 3,500 คน และเหตุการณ์ทวีความตึงเครียดขึ้น เมื่อผู้ประท้วงได้บุกเข้าไปในสำนักงานของโฆษกรัฐบาล แต่เจ้าหน้าที่สามารถอพยพออกมาได้อย่างปลอดภัย
คริสตอฟ คาสตาแนร์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยของฝรั่งเศส เปิดเผยว่า ผู้ประท้วงที่ร่วมชุมนุมต่อต้านรัฐบาลเมื่อวานนี้มีจำนวนประมาณ 50,000 คน โดยเมืองที่มีผู้ชุมนุมมากที่สุดคือ กรุงปารีส จำนวน 3,500 คน เพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อนหน้าที่มีเพียง 800 คน รองลงมาคือ เมืองบอร์กโดซ์และมาร์กเซย
ที่กรุงปารีสเกิดเหตุการณ์ชุลมุนและมีผู้ประท้วงถูกทางการควบคุมตัวอย่างน้อย 34 คน โดยผู้ชุมนุมบางส่วนได้ใช้รถก่อสร้างพังประตูและบุกเข้าไปในพื้นที่สำนักงานโฆษกรัฐบาล อย่างไรก็ตาม บองฌามัง กริโว โฆษกรัฐบาลยืนยันว่า เขาและทีมงานสามารถหนีออกมาทางประตูหลังอย่างปลอดภัย
นอกจากที่ทำการรัฐบาลในเมืองหลวงแล้ว มีรายงานด้วยว่า ที่เมืองมงเปอลีเยก็มีเหตุรุนแรงจากผู้ประท้วงที่พยายามบุกเข้าไปในศาลากลาง ส่วนที่เมืองอาวีญงมีผู้ประท้วงพยายามบุกเข้าไปในศาลยุติธรรมเช่นกัน
วิกฤตการประท้วงของม็อบเสื้อกั๊กเหลืองยังไม่มีทีท่าว่าจะยุติลงในเร็ววันนี้ หลังผู้ประท้วงเริ่มปักหลักชุมนุมตามท้องถนนทุกช่วงสุดสัปดาห์มาตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน แม้ว่าประธานาธิบดีมาครงจะยอมยกเลิกแผนขึ้นภาษีเชื้อเพลิง และปรับเพิ่มฐานค่าแรงขั้นต่ำ แต่ประชาชนจำนวนมากก็ยังไม่พอใจปัญหาค่าครองชีพ และต้องการให้มาครงลาออกจากตำแหน่ง
พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล
อ้างอิง: