วันนี้ (3 กุมภาพันธ์) ที่รัฐสภา มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ ส.ส. บัญชีรายชื่อ พรรคเศรษฐกิจใหม่ แถลงข่าวยืนยันจุดยืนทางการเมืองของตัวเอง ภายหลังจากที่พรรคเศรษฐกิจใหม่ออกจากการเป็นพรรคร่วมฝ่ายค้านว่า ขอบคุณประชาชนที่เลือกเข้ามายืนยันว่า ตัวเองเป็นคนซื่อสัตย์สุจริต ตนเองจะยอมรับความซื่อสัตย์ของคนได้ต่อเมื่อคนคนนั้นได้อยู่ในตำแหน่งใหญ่โตแล้วไม่โกง ตนเองเป็นคนรักษาคำพูด คำไหนคำนั้น และให้เกียรติประชาชน ซึ่งทุกสิ่งเป็นสิ่งที่ตัวเองพูดมาตลอด และวันนี้ก็จะทำอย่างนั้น อุดมการณ์ไปกันไม่ได้ก็อยู่กันไม่ได้ ในการแถลงข่าวครั้งนี้จะชัดเจนเด็ดขาด และไม่ต้องมาถามอีกว่า จุดยืนอยู่ตรงไหน
“ไม่ต้องมาถามอีกว่า คิดอะไร ขอยืนยันว่า ตั้งแต่วันที่หาเสียงจนถึงวันนี้ จนถึงวันที่สภาฯ สิ้นสุด หากตัวเองยังอยู่ จะรักษาคำมั่นสัญญาและคำพูดของตนเอง ส่วนคนอื่นเป็นคนอย่างไร ก็ให้ทุกคนใช้วิจารณญาณพิจารณากันเอาเอง” มิ่งขวัญกล่าว
มิ่งขวัญกล่าวว่า เกิดมาในชีวิตครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกที่ตนถูกวิจารณ์ด่าอย่างสาดเสียเทเสียมากที่สุด ตนจึงต้องมาแถลงข่าว ก่อนหน้านี้ สุภดิช อากาศฤกษ์ รักษาการหัวหน้าพรรค ได้โทร.มาบอกตน แต่ตัดบทไม่ได้ให้ตนอธิบาย เพราะติดสายผู้ใหญ่ จนถึงวันนี้ก็ยังไม่ได้ติดต่อกลับมา
เมื่อตัดสินใจแบบนี้ ในเมื่อพรรคมีมติไม่ร่วม และถอนตัวจากฝ่ายค้าน โดย รัฐธรรมนูญกำหนดว่า ส.ส. ไม่จำเป็นต้องทำตามมติพรรค ตนขอยึดมั่นที่ได้หาเสียงและจุดยืน ตนจะอยู่กับพรรคร่วมฝ่ายค้าน แม้จะเป็นคนเดียวก็จะอยู่ ตนจะไม่ร่วมอุดมการณ์กับพรรคอีกต่อไป เพราะจะเป็นการตระบัดสัตย์ ขอประกาศแยกทางกับพรรคเศรษฐกิจใหม่ ตนไม่เกี่ยวข้องกับพรรคเศรษฐกิจใหม่ โดยตนขอเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ และยึดมั่นระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข พร้อมขอยืนยันว่า ตนซื่อสัตย์และไม่มีเรื่องมัวหมองใดๆ
มิ่งขวัญยืนยันอีกว่า การประกาศอย่างนี้คือความชัดเจน ไม่ต้องสงสัย ตัวเองไม่ประกาศลาออก หากพรรคจะให้ออกก็ต้องมีมติขับออกจากพรรค และตนเองมีเอกสิทธิ์คุ้มครอง ส.ส. ตามรัฐธรรมนูญที่ไม่ต้องทำตามมติพรรคในการทำงานทางการเมือง อีกทั้งหากลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรค ก็จะทำให้สมาชิกสถานภาพของ ส.ส. สิ้นสุดลง หากลาออกก็จะไม่ได้ทำหน้าที่ ส.ส. และไม่ได้อภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล พร้อมทั้งต้องเคารพเสียงของประชาชนจำนวนมากกว่า 5 แสนคน ที่เลือกพรรคเศรษฐกิจใหม่ ซึ่งกล้าบอกว่า ที่ประชาชนเลือกก็เพราะตน จึงต้องทำหน้าที่ให้กับประชาชนไม่สามารถลาออกได้
โดยในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ในเมื่อตนเองตัดสินใจที่จะอยู่ฝั่งนี้ หากชนะก็คือรัฐบาล หากแพ้ก็ต้องยอมรับกติกา ตัวเองได้หาเสียงมาแล้วว่าจะอยู่ฝั่งนี้ ถ้าคนอื่นจะไปแล้วจะไปห้ามได้หรือไม่ โดยตัวเองได้ติดต่อกับ สมพงษ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ในฐานะผู้นำฝ่ายค้าน ว่าขอเวลาในการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล 2 ช่วง รวมเป็นเวลา 4 ชั่วโมง เนื่องจากในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรวาระที่รัฐบาลแถลงนโยบายต่อรัฐสภา และการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจําปี 2563 ตนเองไม่ได้อภิปราย จึงขอทดเวลามาใช้ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ขอยืนยันว่า ในการพูดแต่ละครั้งไม่ไร้สาระ
มิ่งขวัญกล่าวอีกว่า ที่ผ่านมามีหลายรัฐบาลมาเชิญให้เป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ เป็นรองนายกรัฐมนตรี และเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง แต่ตัวเองไม่รับ จึงเป็นเครื่องยืนยันว่า ไม่ได้ยึดติดกับตำแหน่ง ยืนยันว่า ไม่ได้อวดดี หากพรรคยังไม่มีมติขับออก ก็อยู่กันไปแบบนี้ อยู่โดยที่ไม่ทำตามมติพรรค และประกาศจุดยืนของตัวเองชัดเจน จะไม่ปฏิบัติอย่างที่เขาไม่รักษาคำพูดกับผู้คน
และหากสภาผู้แทนราษฎรชุดปัจจุบันสิ้นสุดวาระลง ก็จะไปอยู่พรรคอื่น ซึ่งจะอยู่พรรคไหน เร็วเกินไปที่จะตอบ แต่ก็จะเลือกพรรคที่มีอุดมการณ์ทางการเมืองเหมือนกัน
ทุกวันนี้มีภาษากายที่แสดงออกคือ กลืนไม่เข้าคายไม่ออก ไม่ทราบว่าพรรคเศรษฐกิจใหม่จะแถลงข่าวหรือไม่ แต่ถ้าเขามาแถลงแล้วมีการพูดในสิ่งที่ไม่ตรงกับความเป็นจริง ตนเองจะไม่นิ่งเฉยอีกต่อไป จะมีการโต้ตอบ เพราะนิ่งมานานแล้ว
ส่วนการที่พรรคเศรษฐกิจใหม่ออกจากพรรคร่วมฝ่ายค้านแล้วจะไปเป็นฝ่ายค้านอิสระหรือรัฐบาลนั้น ตัวเองไม่สามารถตอบแทนได้ และไม่รู้ว่าอะไรเป็นแรงจูงใจให้พรรคเศรษฐกิจใหม่ออกจากการเป็นฝ่ายค้าน ตัวเองก็ยังสงสัย เป็นไปไม่ได้ที่คนเราจะเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ สิ่งที่เสียใจคือ เคยมายืนแถลงข่าวร่วมกับพรรคเศรษฐกิจใหม่ในวันที่เขาขอร้องให้มา ทั้งที่วันนั้นก็ได้ถามไปแล้วว่า จะยังคงจุดยืนเดิมในการเป็นพรรคร่วมฝ่ายค้าน ไม่ออกไปร่วมกับรัฐบาลใช่หรือไม่ ซึ่งเขาก็ตอบมาว่าใช่ วันนี้ได้พิสูจน์แล้วว่าใครพูดอะไรไว้ เวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์
พร้อมทั้งอยากขอร้องสื่อมวลชนว่า ถ้าจะเอารูปตนเองไปทำภาพประกอบข่าวหรือโค้ดคำพูด ก็ขอเป็นภาพล่าสุดที่ยืนหนึ่งและยืนเดี่ยว