“เธอไม่ต้องกลัวอะไรทั้งนั้น
จับมือไว้แล้วไปด้วยกัน เราไม่ได้ทำอะไรผิด”
อนาคตคือ ฟังเผินๆ แล้วก็เหมือนจะเป็นเพลงหวานๆ กับจังหวะชวนโยกจากสองแรปเปอร์อย่าง MILLI (มิลลิ-ดนุภา คณาธีรกุล) และ YOUNGOHM (ยังโอม-รัธพงศ์ ภูรีสิทธิ์) พร้อมกับโปรดิวเซอร์ SPATCHIES ที่มาจับมือร่วมกันทำเพลงเกี่ยวกับการก้าวข้ามผ่านอุปสรรคไปสู่วันที่สดใสด้วยกัน
แต่เมื่ออ่านเนื้อเพลงเต็มๆ ประกอบกับดูมิวสิกวิดีโอ อนาคตคือ นี่คือเรื่องราวของวัยรุ่นยุคนี้ท่ามกลางบ้านเมืองที่น่าหดหู่เข้าทุกวัน ด้วยสัญญะต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น เลขสามหลัก ‘113’ บนเสื้อยังโอม และ ‘393’ บนเสื้อมิลลิ หรือเลข ‘250’ และ ‘010’ ของเด็กชายหัวเกรียนที่เข้ามากลั่นแกล้งและปัดรูปวาดทิ้ง
รูปวาดที่มีเด็กสองคนจับมือกันโบยบินไป โดยมีนกและสีรุ้งซึ่งเป็นสัญลักษณ์แห่งเสรีภาพและความหลากหลายรอพวกเขาอยู่เบื้องหน้า, รูปภาพใส่กรอบ 3 รูปกับครูใหญ่ที่ไม่สนใจฟังเด็ก หรือจะเป็นนาฬิกา 5 เรือนบนข้อมือ พร้อมเนื้อร้องท่อน
“ตอนนี้ยังไม่รู้ ไม่รู้ ไม่รู้ ไม่รู้ ไม่รู้” วลีคุ้นหูที่ได้ยินบ่อยจนเบื่อ
ผ่านไปสักพัก ไม่ทันที่เราจะได้ชื่นชมท่าเต้นกวนๆ กับฉากน่ารักๆ ตลบอบอวลด้วยสีชมพู เสียงร้องของมิลลิก็ตัดฉับอารมณ์ไปเป็นท่อนแรปรัว พร้อมภาพเธอและยังโอมกำลังวิ่งหนีระเบิดควัน ผสมด้วยภาพฟุตเทจของม็อบจริงในช่วงก่อนหน้านี้ และมีป้ายบนผืนผ้าเขียนว่า ‘DO YOU HEAR THE PEOPLE’ ประโยคที่ถูกเขียนและพูดออกไปครั้งแล้วครั้งเล่า แต่สิ่งที่ได้รับมากลับเป็นแก๊สน้ำตาและกระสุนปืน
“ฝันพังตั้งแต่ยังไม่ขึ้นรูป ถ้าวันนี้เธอไม่คิดที่จะลุกขึ้นสู้
ทั้งชีวิตเธอที่เหลือ it never gonna change”
การลุกขึ้นสู้เพื่อความเปลี่ยนแปลงไม่เคยเป็นเรื่องง่าย โดยเฉพาะเมื่อเห็นว่าต้องแลกกับอะไรบ้าง ถึงอย่างนั้นก็ยังมีคนหนุ่มสาวจำนวนมากกล้าลุกขึ้นมาในช่วงเวลาแห่งความหวาดกลัว เช่นเดียวกับมิลลิที่ใช้พื้นที่ของตัวเองวิจารณ์รัฐบาล แม้เป็นเรื่องธรรมดาเหลือเกินในสังคมประชาธิปไตย แต่ที่ประเทศนี้ เธอถูกดำเนินคดีด้วยข้อกล่าวหา ‘ดูหมิ่นด้วยการโฆษณา’ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 393 เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา
ประโยคบอกรักสุดคิวต์อย่าง ‘I love you 3,000’ ถูกใส่มาในเนื้อเพลงโดยเปลี่ยนเป็นเลข 2,000 ตามจำนวนเงินที่มิลลิถูกปรับ เป็นไอเดียที่เจ็บแสบและชวนให้ทบทวนว่า สังคมแบบไหนที่ประชาชนต้องถูกดำเนินคดีเมื่อวิจารณ์การทำงานของรัฐบาล ทำไมเด็กต้องไป ‘แสบตา’ จากแก๊สน้ำตาในม็อบ หรือกลัวว่าจะติดคุกจากการใช้กฎหมายที่ไม่เป็นธรรม การพูดถึงปัญหาที่รัฐบาลควรแก้ไขกลายเป็น ‘สิทธิ์ทิพย์’ เมื่ออาศัยอยู่ในประเทศนี้
แล้วหลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ควบคุมฝูงชนก็คืบคลานเข้ามา พร้อมกับไฟสีแดงและน้ำเงินสว่างทาบทับพวกเขาในเสื้อนักเรียนสีขาว
แต่สุดท้ายยังโอมและมิลลิในเสื้อสูทก็ถอดแว่น VR ออกและยิ้มให้กันในฉากที่ดูเหมือนอนาคต เป็นตอนจบที่มอบความหวังว่าเด็กนักเรียนทั้งสองคนจะมีวันที่สดใสรออยู่ข้างหน้า
สำหรับเรา ‘อนาคตคือ’ เป็นชื่อเพลงที่ทิ้งไว้ให้คนหนุ่มสาวเลือกต่อเติมคำเข้าไปด้วยความฝัน ความหวัง ความต้องการของพวกเขาเอง ไม่ใช่อนาคตที่อยู่ในกำมือของผู้ใหญ่ไม่กี่คน อาจจะยังไม่ใช่วันนี้หรือพรุ่งนี้ แต่ในที่สุดแล้ว เข็มนาฬิกาจะหมุนเวียนไปข้างหน้าพร้อมกับความเปลี่ยนแปลงจากคนรุ่นใหม่ เหมือนประโยคที่พวกเขาทิ้งท้ายเอาไว้ว่า
“Time’s always with us
กาลเวลาจะอยู่ข้างเราเสมอ”